
อาทิตย์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา
16 กุมภาพันธ์ 2014
บทอ่าน บสร 15 : 15-20 ; 1 คร 2: 6-10 ; มธ 5 : 17 -37
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC)
226, 577, 581, 592, 678, 1034, 1424, 1456, 1967, 2053-4, 2141, 2153, 2257, 2262, 2302, 2330
จุดเน้น อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า เราจึงสามารถเลือกชีวิตเหนือความตาย และความดีเหนือความชั่ว
เราอาศัยอยู่ในโลกแห่งกฎเกณฑ์หลายอย่าง บางอย่างมนุษย์สร้างขึ้น บางอย่างพระเจ้ากำหนด และก็มีกฎธรรมชาติด้วย หากปราศจากกฎเกณฑ์เหล่านี้สังคมจะมีความวุ่นวายโกลาหล กฎส่วนมากที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ดังที่เราได้ทราบว่าบางกฎเกณฑ์ก็อยุติธรรม ในทำนองเดียวกันอาจเป็นได้กับกฎทางศาสนา คำถามคือ มีกฎพื้นฐานอะไรไหมที่เราสามารถใช้วัดว่ากฎใดยุติธรรมถูกต้อง ไม่ว่ากฎศาสนา หรือ กฎหมายบ้านเมือง บรรพบุรุษของเราเรียกกฎเช่นนี้ว่า กฎทอง
เราทราบว่า วัฒนธรรมและศาสนาแตกต่างกันมากมายที่เชื่อในปรีชาญาณแห่งกฎทองนี้ “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด” (มธ 7: 12) กฎนี้มีการใช้ภาษาหลายแบบในความเชื่อต่างๆ ในพระวรสารนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าทรงยืนยันกฎชาวยิวของโมเสสอีกครั้ง ที่กล่าวว่า เราต้องรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (ลก 10: 27) นั่นคือ กฎ (บัญญัติ) แห่งความรัก เป็นบัญญัติเอกเหนือกฎใดๆ
ผู้เขียนหนังสือบุตรสิราสอนชาวยิวเกี่ยวกับวิธีดำเนินชีวิตให้เหมาะสมต่อพระเจ้า ขณะที่เคารพน้ำใจอิสระของประชาชนในการเลือก ผู้ประพันธ์บอกเจาะจงแก่ประชาชนให้ทราบถึงหนทางปฏิบัติที่ถูกต้อง และอธิบายผลที่ตามมาว่าทางใดดีกว่าหรือแย่กว่า และประชาชนตัดสินใจ ถ้าพวกเขาเลือกปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาก็จะได้รับความรอด วางใจในพระเจ้า พวกเขาก็มีชีวิต หากเลือกความตายเหนือชีวิต พวกเขาจะได้รับความตายตามมา หากเลือกความชั่วเหนือความดี พวกเขาจะได้รับความชั่ว ไม่ว่าพวกเขาเลือกอะไร ก็จะได้รับสิ่งนั้นกลับมาสู่ตนเอง
ทำไมประชาชนควรเชื่อบุตรสิรา พวกเขารู้ว่าเป็นเรื่องลำบากที่ต้องวางใจพระเจ้าที่พวกเขามองไม่เห็น เมื่อถูกทดลอง พวกเขารู้ว่าความชั่วยั่วยวนใจมากๆ บุตรสิราจึงบอกผลดีของการเลือกหนทางที่ถูกต้อง โดยกล่าวว่า พระเจ้าทรงปรีชา ทรงสรรพานุภาพ ทรงเข้าใจเรา (ไม่บังคับ) พระเจ้าทรงมอบชีวิต แต่ความชั่วทำให้เกิดความตาย เพราะฉะนั้นเลือกชีวิต (ดีกว่า)
พระเยซูเจ้าทรงรู้กฎของโมเสส พระวรสารวันนี้เป็นบทเทศน์บนภูเขา พระองค์ทรงสอนบรรดาศิษย์ถึงความหมายของธรรมบัญญัติ ประการแรก พระองค์ทรงอธิบายพันธกิจของพระองค์ว่า พระองค์มาเพื่อปรับปรุงธรรมบัญญัติให้สมบูรณ์ มาเปิดเผยความหมายแท้ๆ พระเยซูเจ้าทรงยกบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเป็นแบบอย่างของผู้ถือตามตัวอักษร แต่ไม่ใช่เจตนารมณ์ของกฎ พระเยซูเจ้าทรง (สอน) ชัดเจน พระองค์เรียกร้องมากกว่าการปฏิบัติกฎตามตัวอักษรเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงแสดงความหมายสมบูรณ์ 4 ประการ ของธรรมบัญญัติหลักของโมเสส
- ประการแรก “อย่าฆ่าคน” พระองค์ขยายความถึง การโกรธเคือง คำพูดดูหมิ่น การให้อภัย และการคืนดีต่อกัน
- ประการที่สอง “อย่าล่วงประเวณี” พระองค์ขยายความถึง การมองผู้อื่นด้วยความใคร่ในใจ เมื่อกล่าวถึงตัณหา พระเยซูเจ้าใช้ภาพพจน์ของดวงตา และ มือ ช่วยให้เราเห็นว่าเราต้องเอาความคิดชั่วออกจากใจ
- ประการที่สาม “การหย่าร้าง” ธรรมบัญญัติของชาวยิวอนุญาตให้ชายหย่าภรรยาได้ เพียงแต่เขียนเป็นหนังสือหย่า พระเยซูเจ้าขยายความนี้ว่า หากการแต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย สามีก็ผิดที่เป็นสาเหตุให้ภรรยาทำผิดประเวณีด้วย
- ธรรมบัญญัติประการที่สี่ เกี่ยวกับ “การผิดคำสาบาน” พระเยซูเจ้าทรงขยายความธรรมบัญญัตินี้ รวมถึงการสาบานซึ่งแม้ไม่ผิดธรรมบัญญัติใดๆ ไม่ต้องสงสัยว่าบรรดาผู้นำศาสนาดูหมิ่นพระเยซูเจ้า พวกเขาชอบการตีความของพวกเขา แต่พระเยซูเจ้าได้บอกว่ายังมีมากกว่าที่พวกเขาต้องปฏิบัติด้วย
พี่น้อง สะดวกแค่ไหนที่เราปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า พระเยซูเจ้ากำลังพยายามบอกเราว่ายังมีอีกหลายประการที่เราควรปฏิบัติใช่ไหม
บิชอปวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(มกราคม – มีนาคม 2014), หน้า 65-66.