Skip to content

ทุกคนเป็นพี่น้องกัน

สภาพประชาชนในประเทศเมียนมา  ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือน เมษายน จากเทศกาลมหาพรต  อาทิตย์มหาทรมาน  การสิ้นพระชนม์  ถึงสมโภชปัสกาการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ทำให้ผมหันมาอ่านสมณสาส์น “ทุกคนเป็นพี่น้องกัน”  ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เกี่ยวกับภราดรภาพ  และมิตรภาพทางสังคม   เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ.2020  และสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย  ได้จัดพิมพ์ภาษาไทยแล้ว (พฤศจิกายน 2020)

            ณ ชายแดนที่ซึ่งไร้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

     ข้อ 37… ในระบอบการเมืองแบบประชานิยม..ส่งเสริมว่าต้องหลีกเลี่ยง  มิให้บรรดาผู้อพยพเข้ามา…ผู้คนมากมายพากันหนีสงคราม  การกดขี่ข่มเหง..และพวกเขา” มองหาโอกาสสำหรับพวกเขา  และครอบครัว..ฝันถึงอนาคตที่ดีกว่า  และต้องการสร้างโอกาสที่จะทำให้ฝันนี้เป็นจริงได้”

     ข้อ 40   น่าเศร้าที่ “การอพยพย้ายถิ่นกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานประการหนึ่งของโลกอนาคต… มรดกทางวัฒนธรรม  และศาสนา..ได้ช่วยให้มีเครื่องมือที่จะปกป้องความสำคัญของมนุษย์  และค้นหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างหน้าที่ทางจริยธรรมสองประการ  คือ การปกป้องสิทธิของพลเมือง  และการรับรองความช่วยเหลือ  รวมทั้งการต้อนรับผู้อพยพ”

      ข้อ 41  “ข้าพเจ้าเข้าใจว่า  ในการเผชิญหน้ากับผู้อพยพ  บางคนมีความสงสัย  และรู้สึกกลัว…ความกลัวจึงเป็นอุปสรรคขัดขวางเราจากความปรารถนา  และความสามารถในการพบปะผู้อื่น” 

      ข้อ 98  “ข้าพเจ้าขอระลึกถึง”บรรดาผู้ลี้ภัยที่หลบซ่อน”  ซึ่งถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคม… ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า  เราต้องมี ” ความกล้าที่จะให้เสียงแก่ผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ เนื่องจากความพิการของพวกเขา…”เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับบุคคลเหล่านี้ว่าเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน”

       ข้อ 187   เมตตาธรรม …เป็นหัวใจของจิตวิญญาณทางเมือง  จึงมักเป็นความรักพิเศษต่อคนต่ำต้อย  และเป็นความรักที่มุ่งทำทุกอย่าง แบบไม่เปิดเผย  เพื่อประโยชน์ของคนต่ำต้อย…  จำเป็นต้องมีรูปแบบการแสดงออก  และการมีส่วนร่วมทางสังคมที่แตกต่าง… หลักการสนับสนุนช่วยเหลือ(Subsidiarity) แสดงให้เห็นคุณค่าซึ่งไม่สามารถแยกออกจากความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันได้  (Solidarity)

        คำอธิษฐาน (ข้อ 287)

        “ข้าแต่พระเจ้า… ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายที่เป็นคริสตชนได้ดำเนินชีวิตตามพระวรสาร  และสามารถพบพระคริสตเจ้าในมนุษย์ทุกคน  เพื่อมองเห็นพระองค์  ผู้ถูกตรึงกางเขนในความทุกข์ของบรรดาผู้ถูกทอดทิ้ง  และถูกลืมของโลกนี้  และผู้กลับฟื้นคืนชีพในพี่น้องทุกคนที่ลุกขึ้นยืนได้”

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์