
ข้อคิดข้อรำพึง
สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
ในบทกวีเรื่อง “ตำนานจากรัสเซีย” คุณฟิลิส แมคกินลี ได้เล่าเรื่องของคุณยายแก่ๆ คนหนึ่ง เธอได้ถูกเชิญให้ไปเยี่ยมกษัตริย์องค์เล็กที่เพิ่งประสูติมาที่เบธเลเฮม คุณยายกำลังจะเข้านอนในคืนนั้นพอดี ในขณะที่ข้างนอกอากาศกำลังหนาวเหน็บ ก็มีเสียงของบรรดาชุมพาบาลมาเคาะประตูเรียก พวกเขาแบ่งปันข่าวดีแก่เธอว่ากุมารที่ผู้คนรอคอยกันอย่างยาวนานนั้น บัดนี้เสด็จมาบังเกิดแล้ว และขอให้เธอไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ คุณยายเป็นหญิงชราที่มีจิตใจดีมาก แต่ความอบอุ่นของเตียงนอนขณะนั้นน่าพิสมัยกว่าการออกเดินทางอันหนาวเหน็บในคืนฤดูหนาว เธอจึงบอกผู้มาเยือนว่าเธอจะไปพรุ่งนี้ และเมื่อพวกเขาร้องขออาหารบ้างเพื่อจะนำไปในคืนนี้แทนในนามของเธอ เธอก็ตอบอีกครั้งหนึ่งว่าพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้นมาถึง เธอพร้อมที่จะทำตามที่สัญญาไว้แล้ว เธอจัดเตรียมตะกร้าซึ่งเต็มไปด้วยของขวัญอย่างดี เช่น
“ผ้าคลุมไหล่อย่างดีสำหรับสุภาพสตรีที่นุ่มนิ่มนวมเนียน
ช้อนเงินสำหรับเด็กน้อยและของเล่นส่งเสียงกุ๋งกิ๋ง
อีกทั้งของเล่นที่ทำด้วยงาช้างล้ำค่าเกินบรรยาย
แต่คอกสัตว์นั้นพลันว่างเปล่าเมื่อคุณยายไปถึง”
คุณยายมาถึงช้าไป จึงไม่ได้พบพระกุมารและไม่ได้มอบของขวัญที่จัดเตรียมมา เธอโกรธตัวเองที่ไม่ได้ยอมรับเชิญตั้งแต่เมื่อคืนที่แล้ว เธอจึงเริ่มท่องเที่ยวค้นหาพระกุมารทั่วทุกหนทุกแห่งในโลก เธอพบคนอีกมากมายที่กำลังค้นหาผู้ที่จะนำความหวังใหม่และความหมายใหม่แก่ชีวิตของพวกเขา เธอพบเด็กๆ มากมายที่นอนอยู่บนเปล และมีแม่ของพวกเขาเลี้ยงดูอภิบาลอยู่ เธอมอบของขวัญให้เด็กเหล่านั้นทุก ๆ คน ด้วยความหวังว่าจะเป็นพระกุมารเยซูคริสต์ แต่เธอก็ไม่เคยแน่ใจเลยสักราย
วันนี้สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ บรรดาโหราจารย์เหล่านั้นไม่ได้รีรอที่จะมาพบ พระกุมาร ตามคำเชื้อเชิญของดวงดาราทางทิศตะวันออก แม้จะผ่านพานพบอุปสรรคต่างๆ มากมาย แต่ก็ได้พบพระผู้มีบุญญา พวกท่านได้ถวายของขวัญที่เปี่ยมไปด้วยความหมายแด่องค์พระกุมาร นั่นคือ ทองคำ (เปรียบพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์) กำยาน (เปรียบพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า) และมดยอบ (เปรียบพระองค์ทรงเป็นมนุษย์) นี่หมายความว่า พระเจ้าทรงเผยพระองค์ในองค์พระเยซูเจ้า
หลายๆ ท้องถิ่นเฉลิมฉลองวันสมโภชนี้ยิ่งใหญ่กว่าวันคริสต์มาส (คืนที่ 24 ธันวาคม) ทั้งนี้ เพราะวันคริสต์มาสนั้นพระองค์ทรงเผยแสดงองค์แก่ชนชาติยิว ชนชาติที่ทรงเลือกสรร แต่พวกเขาส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะต้อนรับพระองค์ แต่วันพระคริสต์แสดงองค์ หมายถึง ชนต่างชาติมากมายยินดีต้อนรับพระองค์
ขอจบด้วยบทเพลง “In the Bleak Midwinter” ท่อนสุดท้ายที่พ่อได้ร้องอวยพรสัตบุรุษ ในค่ำคืนวันคริสตสมภพที่ผ่านมา ความว่า “ฉันคนจน ๆ จะนำสิ่งใดมาถวายแด่พระกุมาร ถ้าฉันเป็นชุมพาบาลก็จะถวายแกะ ถ้าเป็นโหราจารย์ฉันจะถวายของขวัญตามแบบของฉัน ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่จะมอบให้แด่พระองค์ได้คืออะไร คือดวงใจของฉัน”
“What can I give him, poor as I am?
If I were a shepherd, I would bring a lamb;
If I were a wise man, I would do my part;
Yet what I can I give him, GIVE MY HEART.”
ข้อคิดข้อรำพึง
สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
Raymon E.Brown ซึ่งเป็นผู้รู้เรื่องพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ที่โดดเด่นผู้หนึ่ง ได้ให้ความเห็นว่า เรื่องของโหราจารย์ 3 คนของนักบุญมัทธิวในพระวรสารวันนี้ มีฐานเนื้อเรื่องจากเรื่องของกษัตริย์บาลาคและประกาศกบาลาอัมในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (กดว. 22-24) บาลาคเป็นกษัตริย์ของชาวโมอับ เมื่อชาวอิสราเอลอพยพมาจากอียิปต์ภายใต้การนำของโมเสส บาลาคกลัวชาวอิสราเอลและต้องการทำลายพวกเขา เช่นเดียวกับที่กษัตริย์เฮโรดทรงกลัวการบังเกิดมาของพระเมสสิยาห์และต้องการจะทำลายพระองค์ และเพื่อให้บรรลุสิ่งประสงค์ บาลาคจึงเรียกประกาศกบาลาอัมผู้มีชื่อเสียงให้มาสาปแช่งชาวอิสราเอล
บาลาอัม เป็นประกาศกที่มาจากทางตะวันออก และมากับผู้รับใช้ 2 คน ดังนั้นจำนวนสมาชิกของคณะนี้จึงกลายเป็น 3 คน เหมือนโหราจารย์ทั้งสาม และเมื่อพวกเขาไปถึง แทนที่จะสาปแช่งชาวอิสราเอล เขากลับทำให้ความพยายามของกษัตริย์บาลาคเป็นหมัน โดยได้กล่าวอวยพรอิสราเอลและทำนายว่าจะยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า จะมีผู้นำกำเนิดขึ้นมา
ประกาศกบาลาอัมยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ดาวดวงหนึ่งกำลังขึ้นมาจากยาโคบ คทาอันหนึ่งกำลังมาจากอิสราเอล” กษัตริย์บาลาคทรงโกรธบาลาอัมอย่างยิ่ง เรียกให้มาสาปแช่ง แต่กลับกล่าวอวยพรอิสราเอลถึงสามครั้ง ที่จริงกษัตริย์บาลาคก็เหมือนกษัตริย์เฮโรดที่พยายามจะใช้พวกโหราจารย์มาทำลายศัตรู แต่ความพยายามของเขากลับล้มเหลว มีคำกล่าวถึงบุคคลพวกนี้ว่า “ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูง มักกลัวการตกลงมา” นักบุญยอห์น คริสซอสตอม ได้อธิบายถึงปฏิกิริยาของกษัตริย์เฮโรดในเรื่องการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าว่าดังนี้ “ตำแหน่งยิ่งสูงมาก ก็มีความกลัวมากไปด้วย เหมือนยอดบนสุดของต้นไม้ที่ปลูกไว้บนที่สูงจะแผ่วไหว แม้เมื่อลมพัดอย่างแผ่วเบาเท่านั้น ดังนั้นผู้อยู่ในตำแหน่งสูงๆ จะเดือดร้อนเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ส่วนพวกที่อยู่ในที่ต่ำ เช่นต้นไม้ในหุบผา ยังคงอยู่นิ่งๆ อย่างมีสันติ”
วันนี้ เราสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ เป็นการที่พระเยซูเจ้าทรงเผยพระองค์ให้แก่คนต่างชาติต่างศาสนา ผู้คนทั้งหลายมักมีท่าทีต่างกันไปในการบังเกิดมาของพระองค์ เช่นว่า โหราจารย์ทั้งสามเสาะแสวงหาเพื่อจะได้พบองค์พระผู้ไถ่ จะได้นมัสการพระองค์ ส่วนเฮโรดกลับกลัวว่าจะมีผู้มาสืบบัลลังก์แทน
ที่จริง มีเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมากมายจากเรื่องโหราจารย์ทั้งสามนี้ เช่นว่า มีการตั้งชื่อให้ท่านในภายหลังว่า ชื่อ เมลคีออร์ กาสปาร์ และบัลทาซาร์ เช่นว่า บ้างว่า ทั้งสามเป็นชาวคาลเดียน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นชาติที่บูชาดวงดาวว่าเป็นพระเจ้า บ้างว่าเป็นชาวเปอร์เซียน คนอื่นๆ ว่าพวกเขามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก มีความคิดหนึ่งซึ่งก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ว่า พวกเขาเป็นลูกหลานเชื้อสายของประกาศกบาลาอัม ซึ่งได้พยากรณ์ว่า ดาวดวงหนึ่งจะขึ้นมาจากยาโคบ และทันทีที่พวกเขาเห็นดาวนั้น ก็จะรู้ทันทีว่าพระมหากษัตริย์ทรงบังเกิดแล้ว
ยังมีเรื่องเกี่ยวกับชีวิตตามตำนาน การตายของพวกเขาทั้งสาม อายุเท่าไรเวลาตาย พระธาตุของพวกเขาไปอยู่ที่ไหน เช่น จากเปอร์เซีย ย้ายไปที่คอนสแตนตินโนเปิล ต่อมาไปปรากฏอยู่ที่มิลาน และที่สุดท้าย อยู่ที่เมืองโคโลญ ในประเทศเยอรมันนี จนทุกวันนี้ อยู่ในกล่องประดับหินสีที่สวยงามในมหาวิหารที่เมืองโคโลญ
ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดวงดาวที่พาโหราจารย์ไปเฝ้าพระกุมาร ที่ตำนานบอกว่าหลังจากนำท่านทั้งสามพบพระกุมารแล้ว ดาวนี้ก็ตก แต่ตกลงไปในบ่อน้ำที่เมืองเบธเลเฮม ทุกวันนี้ยังอยู่ที่นั่น และยังมีบางคนเห็นดาวนั้นได้บางครั้ง แต่ต้องเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์
ยังมีเรื่องเกร็ดเกี่ยวกับกษัตริย์เฮโรด และเรื่องเกร็ดเกี่ยวกับของขวัญที่ทั้งสามนำมาถวาย มีการให้ความหมายมากกว่าที่เรารู้มากนัก คือเรารู้แค่ความหมายว่า ของขวัญเป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระกุมารทรงเป็นกษัตริย์ เป็นพระ และเป็นมนุษย์ แต่ยังมีความหมายอื่นๆ อีก 5 อย่าง รวมแล้วไม่น้อยกว่า 6 อย่าง แต่ไม่ขอนำมาเขียนในนี้เพราะเขียนยาวมากแล้ว
อยากจะจบด้วยข้อคิดเกี่ยวกับวันสมโภชนี้ว่าดังนี้ พระเยซูเจ้าทรงเป็นเครื่องหมายที่คนขัดแย้งกัน บางคนนิยมชมชอบพระองค์ ในขณะที่พวกอื่นต่อต้านพระองค์ โหราจารย์และชาวชุมพาบาลต่างประทับใจในพระองค์ ส่วนกษัตริย์เฮโรดทรงรู้สึกถูกทำให้รำคาญใจ แต่สำหรับผู้ต้องการความรอดพ้น จะจ้องมองพระองค์ตามแบบที่นักบุญเยโรมเขียนไว้ว่าดังนี้
“มองไปที่รางหญ้าของพระคริสต์จะเห็นสรวงสวรรค์ เสียงร้องของพระกุมารทำให้เราได้ยินบทเพลงสรรเสริญของทูตสวรรค์ กษัตริย์เฮโรดตามล่าพระองค์ แต่โหราจารย์พากันมานมัสการ พระองค์ผู้เดียวนี้ที่พวกฟาริสีไม่ยอมรับรู้ แต่ดวงดาวกลับชี้ชัด พระองค์ทรงรับพิธีล้างจากผู้รับใช้ แต่เสียงฟ้าร้องจากพระเจ้ากลับได้ยินอย่างชัดเจน พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แต่นกพิราบ ซึ่งจริงๆ แล้ว คือพระจิตเจ้าเสด็จลงมาอยู่เหนือพระองค์”
ครับ…ขอให้เราแสวงหาพระองค์ให้พบ และรักพระองค์จนหมดหัวใจ
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา อาทิตย์ที่ 8 มกราคม ค.ศ. 2012 ถอดความจาก JOHN’S Illustrated Sunday Homilies)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เลขานุการของพระสันตะปาปาแถลงข่าวเพื่อชี้แจง
- สันตะสำนักออกหนังสือ คู่มือการสอนคำสอน พร้อมกับคำแนะนำใหม่ในการสอนคำสอน
- สรุปเนื้อหาสมณสาส์นเวียนด้านสังคมของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
“ทุกคนต่างเป็นพี่น้องกัน – Fratelli Tutti” - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- สมณลิขิต (Apostolic Letter) ของสันตะปาปาฟรานซิส โอกาสครบ 1600 ปีหลังการมรณภาพของนักบุญเจโรม