Skip to content

พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ทรงลงพระนามสมณลิขิตที่ชื่อว่า "Fratelli tutti"

ณ อัสซีซี เช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2020 ที่หน้าหลุมฝังศพของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี
 
พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ทรงลงพระนามสมณลิขิตที่ชื่อว่า “Fratelli tutti” (เราทั้งผอง พี่น้องกัน) และวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งตรงกับ #วันฉลองนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี เวลาเที่ยงที่อิตาลี ( เวลาห้าโมงเย็นบ้านเรา) สมณลิขิตฉบับนี้
จะได้รับการเผยแพร่เป็นทางการ
 
น่าจะเข้ากับสถานการณ์บ้านเราได้ดี เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อวานนี้พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ให้จดหมายเวียนหรือสมณลิขิต (Encyclical Letter) ฉบับใหม่ ชื่อว่า Fratelli Tutti (ทุกคนหรือเราทั้งผองเป็นพี่น้องกัน) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมณสาสน์เกี่ยวกับสังคมฉบับล่าสุดของพระศาสนจักร
 
ขอแบ่งปันสิ่งที่ได้อ่านคร่าวๆ (เป็นคำแปลแบบไม่เป็นทางการ) เฉพาะข้อ 13-14 ซึ่งพระสันตะปาปาฟรันซิสได้พูดถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ที่สำคัญเข้ากับสถานการณ์ในบ้านเมืองเรา ณ เวลานี้เลยทีเดียว

13. ด้วยเหตุนี้เอง เขาสนับสนุนการทำลายความหมายของประวัติศาสตร์ซึ่งทำให้เกิดการทำลายรากฐาน การตระหนักถึงการแทรกซึมทางวัฒนธรรมของสิ่งที่เรียกว่า “ทำลายนิยม” ซึ่งให้ทำให้เสรีภาพของมนุษย์แสร้งทำเป็นสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่โดยเริ่มจากศูนย์ เหลือไว้เพียงแค่ความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างไม่มีขีดจำกัดและการเพิ่มรูปแบบของปัจเจกนิยมที่หลากหลายมากขึ้นอย่างไร้กรอบกำกับ ในสถานการณ์เช่นนี้เราขอเสนอคำแนะนำที่เราได้เคยให้ไว้กับบรรดาเยาวชนว่า “ถ้าหากคนคนหนึ่งยื่นข้อเสนอประการหนึ่งแก่พวกเธอ และบอกพวกเธอให้เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์ ให้มองข้ามประสบการณ์ของผู้อาวุโส ให้ละเลยต่อทุกสิ่งในอดีตและมองเพียงแค่อนาคตที่เขาจะมอบให้แก่พวกเธอ นี่อาจจะไม่ใช่วิธีง่ายๆที่จะดึงดูดพวกเธอด้วยข้อเสนอของเขาเพื่อทำให้พวกเธอปฏิบัติตามในสิ่งที่เขาบอกพวกเธอหรือ? คนๆนั้นต้องการให้พวกเธอว่างเปล่า ไร้รากยึดเหนี่ยว ไม่เชื่อมั่นในสิ่งใดเลย เพื่อพวกเธอจะได้มั่นใจที่จะทำตามคำสัญญาของเขาและตกอยู่ภายใต้แผนการของเขาเท่านั้น อุดมคติของสิ่งที่ต่างกันทำงานในรูปแบบนี้ ซึ่งทำลาย (หรือ ล้มล้าง) ทุกสิ่งที่ต่างจากพวกของตนและด้วยวิธีการนี้เอง เขาสามารถครอบงำได้โดยไม่มีการต่อต้าน และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ พวกเขาจึงต้องการเยาวชนที่เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์ เยาวชนที่ปฏิเสธความร่ำรวยทางจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ที่ได้รับการส่งผ่านมาจากรุ่นสู่รุ่น เยาวชนที่เมินเฉยต่อทุกสิ่งที่ล่วงหน้าเขามาก่อน

14. มันคือการล่าอาณานิคมเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ เราต้องไม่ลืมว่า “กลุ่มชนผู้แปลกแยกตัวเองออกจากวัฒนธรรมของตนเอง และ (โดยความบ้าคลั่งเชิงการเลียนแบบ, ความรุนแรงที่ถูกยัดเยียดให้, ความไม่ใส่ใจและความเฉื่อยชาที่เกินอภัยได้) ยอมทนให้วิญญาณถูกฉีกทิ้งนั้น ได้สูญเสียอัตลักษณ์ฝ่ายจิตวิญญาณ รวมทั้งรากฐานทางศีลธรรม และในที่สุดสูญเสียเสรีภาพทางอุดมคติ เศรษฐกิจ และการเมือง” วิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการทำลายมโนธรรมทางประวัติศาสตร์ ความคิดวิเคราะห์ และการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและกระบวนการรวมกลุ่มก็คือ การทำให้ความหมายว่างเปล่า และเปลี่ยนคำต่างๆเสียใหม่ ทุกวันนี้ คำว่า ประชาธิปไตย เสรีภาพ ความยุติธรรม ความเป็นหนึ่งเดียว หมายความว่าอะไร? คำเหล่านี้ถูกครอบงำและเปลี่ยนรูปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการครอบครอง ถูกทำให้เป็นชื่อที่ว่างเปล่าไร้เนื้อหา เพื่อจะได้ถูกนำไปใช้สร้างความชอบธรรมให้กับอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ

(คุณพ่อบุญธรรม จากอิตาลี)