Skip to content

บทเทศน์วันอังคารที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2020

เนื่องจากประเทศอิตาลีกำลังเตรียมตัวสำหรับระยะที่สอง ขอพระเจ้า “ทรงโปรดประทานพระหรรษทานให้กับประชากรกรของพระองค์ และเราทุกคนให้มีความเฉลียวฉลาดและนบนอบต่อเครื่องหมายต่างๆ”

พวกเราต้องดำเนินชีวิตอย่างฉลาดเพื่อมิให้โรคระบาดย้อนกลับมาอีก

ตามสำนักข่าววาติกัน เช้าวันอังคารที่ 28 เมษายน ในขณะที่ถวายมิสซาส่วนพระองค์ ณ วัดน้อยภายในสถานพำนักซาวตามาร์ธา นครรัฐวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเน้นเรื่องนี้

        พระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวเริ่มต้นมิสซา ขอให้พวกเรารำลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของไวรัสโคโรนา  พระองค์ทรงภาวนาขอปรีชาญาณในช่วงนี้เนื่องจากข้อกำหนดการกักกันตัวค่อยผ่อนคลายลงบ้างในระยะที่สองในประเทศอิตาลี ซึ่งจะเริ่มใช้มาตรการใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคาเป็นต้นไป

        “ณ เวลานี้สัญญาณต่างๆของโรคระบาดดูเหมือนพวกเรากำลังจะก้าวออกจากระยะการกักกัน” สมเด็จพระสันตะปาปาตรัส “พวกเราภาวนาขอพระเจ้าทรงโปรดประหรรษทานแห่งปรีชาชาญาณ และการนบนอบต่อสัญญาณต่างๆให้แก่ประชากรของพระองค์ และเราทุกคนมีความฉลาด เพื่อที่โรคระบาดจะได้ไม่ย้อนกลับมาอีก”

        ในบทเทศน์สมเด็จพระสันตะปาปาทรงไตร่ตรองข้อความจากหนังสิอกิจการอัครสาวก (กจ. 7: 51-8:1):7 ซึ่งสตีเฟนพูดอย่างกล้าหาญกับประชาชน ผู้อาวุโส และพวกนักกฎหมายซึ่งตัดสินเขาแบบผิดๆด้วยการเป็นประจักษ์พยานเท็จ ซึ่งเขาถูกลากตัวออกไปนอกเมืองแล้วถูกเอาก้อนหินทุ่ม

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงตั้งข้อสังเกตว่า พวกนักกฎหมายไม่อาจทนต่อการอธิบายข้อความเชื่อที่ชัดเจนได้ จึงขอร้องใครบางคนให้เป็นพยานเท็จว่าพวกเขาได้ยินสตีเฟนสบประมาทพระเจ้าและกฎหมายของโมเสส

        สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเน้นว่าเฉกเช่นสตีเฟน “พวกเขาทำเช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์โดยพยายามที่จำทำให้ประชาชนเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า”

กรณีของผู้ถูกกล่าวโทษในยุคนี้ เช่นโชอาห์ (Shoah), อาชีอา บีบี้ (Asia Bibi)

นี่เป็นเรื่องที่คล้ายเคียงกันกับสิงที่เกิดขึ้นกับมรณะสักขีของทุกวันนี้เช่นกรณีของอาชีอา บีบี้ (Asia Bibi) ชาวปากีสถาน ซึ่งถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาหลายปีโดยถูกตัดสินว่ากล่าวคำให้ร้ายดูหมิ่นศาสนา

        เมื่อต้องเผชิญกับข่าวเทียมมากมายก่ายกองในยุคปัจจุบัน สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า นี่เป็นการสร้างความเข้าใจและความคิดเห็นที่ทำลายชื่อเสียงคนอื่นจนย่อยและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหวนกลับมาใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม

        “พ่อคิดถึงกรณีของกลุ่มชนโชอาห์ (Shoah) เช่นกัน” พระองค์ตรัส เมื่อมีการกุสร้างเรื่องใส่ความ ปลุกระดมความคิดเห็นต่อประชาชนบางกลุ่มเพื่อที่จะทำให้พวกเขาไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม

คำพูดของพวกเราต้องไม่เป็นการประชาทัณฑ์ตัดสินผู้อื่นโดยเบาความ

พระองค์ยังชี้ให้เห็นอีกว่า “แล้วก็ยังมีการประชาทัณฑ์เล็กๆน้อยๆทุกวัน ซึ่งพยายามที่จะประณามผู้อื่น  เพื่อทำลายชื่อเสียงผู้อื่น เป็นการประชาทัณฑ์แบบเล็กๆด้วยการนินทาใส่ความ ซึ่งสร้างความคิดเพื่อให้เกิดมีการประณามผู้อื่น”

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำว่าในขณะที่ความจริงนั้น “มีความความชัดเจนโปร่งใส และเป็นประจักษ์พยานถึงความจริง ถึงสิ่งที่ตนเชื่อ

        “ข้อให้เราระวังลิ้นของพวกเรา” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเตือนใจโดยตั้งข้อสังเกตว่า “หลายครั้งเมื่อพวกเราวิจารณ์ใครๆ พวกเรามักจะเริ่มต้นการลงประชาทัณฑ์”

        “แม้แต่ในสถาบันคริสตชนของพวกเรา ในพระศาสนจักร” พระองค์รำพัน “พวกเราเห็นการลงประชาทัณฑ์มากมายทุกวัน ที่เกิดจากการซุบซิบนินทาในระหว่างพวกเรา”

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงอธิษฐานภาวนาว่า “ขอพระเจ้าทรงประทานให้พวกเราเป็นผู้ชอบธรรมในการตัดสินเรื่องต่างๆ ไม่ให้ประณามหรือวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดจากการนินทาว่าร้ายผู้อื่น”

        สมเด็จพระสันตะปาปาทรงจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชื้อเชิญบรรดาสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน

บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)

ในบทอ่านแรกของหลายวันที่ผ่านมานี้ พวกเราได้ฟังเรื่องการเป็นมรณะสักขีของสตีเฟน เป็นการเล่าอย่างง่ายๆว่าเรื่องราวเกิดขึ้นไดอย่างไร  พวกนักกฎหมายไม่อาจทนต่อความเชื่อที่อธิบายอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรกที่มีการประกาศข่าวดี พวกเขาจึงไปขอร้องใครบางคนให้ออกมาพูดว่าพวกเขาได้ยินคนกล่าวกันว่าสตีเฟนกล่าวสบประมาทพระเจ้าและกฎหมาย (เทียบ กจ. 6: 11-14) หลังจากนั้นพวกเขาก็จับสตีเฟนไปประหารด้วยการเอาก้อนหินทุ่มจนตาย (เทียบ กจ. 7: 57-58)   นี่เป็นรูปแบบของการกระทำสิ่งเลวร้ายซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาทำเช่นนี้กับพระเยซูคริสต์เช่นเดียวกัน (เทียบ มธ. 26: 60-62) ประชาชนที่อยู่ ณ ที่นั้นถูกทำให้เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้กล่าวประทุษร้ายจึงพากันร้องตะโกนว่า “เอามันไปตรึงบนไม้กางเขน” (มก. 15: 13) นี่เป็นความโหดร้ายที่เริ่มต้นด้วยการเป็นพยานเท็จเพื่อที่จะ “สร้างความยุติธรรม” นี่เป็นแผนชั่วร้านที่วางไว้เป็นวาระซ่อนเร้น มีกรณีอย่างนี้เช่นเดียวกันในพระคัมภีร์ พวกเขาทำเช่นเดียวกันกับซูซันนา (เทียบ ดนล. 13: 1-64) พวกเขาทำเช่นเดียวกันกับนาโบธ (เทียบ 1 พกษ. 21: 1-16) แล้วก็ฮามานที่พยายามทำเช่นเดียวกันกับประชากรของพระเจ้า (เทียบ อสธ. 3: 1-14) เหล่านี้เป็นข่าวเท็จ เป็นการให้ร้ายที่ทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรม นี่คือการประชาทัณฑ์ที่แท้จริง

        ดังนั้นพวกเขาจึงนำตัวสตีเฟนไปยังผู้พิพากษาเพื่อที่ผู้พิพากษาจะได้จัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่สตีเฟนถูกตัดสินล่วงหน้าไปแล้ว ผู้พิพากษาต้องเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆที่จะกล้าฝืนการตัดสิน “ของประชาชนอย่างที่ตนเตรียมและตั้งใจไว้ เป็นกรณีของปิลาตที่เห็นอย่างชัดเจนว่าพระเยซูคริสต์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เขาเกรงกลัวประชาชนแล้วจึงล้างมือของตน ปัดความรับผิดชอบ (เทียบ มธ. 27: 24-26) นี่เป็นวิธีหนึ่งในการปฏิบัติด้านนิติศาสตร์ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ในบางประเทศเมื่อพวกเขาต้องการทำรัฐประหาร หรือไล่นักการเมืองออกไป พวกเขาทำเช่นนั้นเพื่อไม่ให้คนนั้นลงเลือกตั้ง โดยใช้ข่าวเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี แล้วก็นำไปหาพวกพิพากษาเหล่านั้นที่ชอบสร้างนิติศาสตร์กับ “สถานการณ์ประชานิยมที่เป็นแฟชั่นให้ประณามไปตามประชาชน ลักษณะนี้เป็นการประชาทัณฑ์ของสังคม แล้วพวกเขาก็ทำกับสตีเฟน การพิพากษาสตีเฟนเป็นเช่นนี้ พวกเขาถูกชักนำให้พิพากษาตามที่ประชาชนที่ถูกชักนำให้หลงผิดพิพากษาเขาไปแล้ว

        นี่เกิดขึ้นกับมรณะสักขีในทุกวันนี้เช่นเดียวกัน  ผู้พิพากษาไม่มีโอกาสที่จะสร้างความยุติธรรมเพราะว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาเท็จนั้นได้ถูกพิพากษาไปแล้ว  พ่อกำลังคิดถึง กรณีของอาชีอา บีบี้ ชาวปากีสถาน (Asia Bibi) ที่พวกเราเห็นมา เธอต้องติดคุก 10 ปีเพราะเธอถูกกล่าวหาว่ากล่าวคำใส่ร้าย แล้วประชาชนต้องการให้ประหารชีวิตเธอ  ท่ามกลางข่าวเท็จมากมายที่ก่อให้เกิดความคิดเห็นในมวลประฃาบ่อยครั้งไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้

        สำหรับประเด็นนี้พ่อยังคิดถึงกลุ่มชนโชอาห์ (Shoah) ที่ถูกสังหารหมู่ด้วยแก็สพิษ ซึ่งอยู่ในกรณีเดียวกัน มีการสร้างความคิดเห็นในหมู่ประชาชนจนกลายเป็นเรื่องปกติ “ใช่ ใช่.. อย่างนี้ต้องประหารชีวิต” มันเป็นกระบวนการที่จะ  “กำจัด” คนที่สร้างความรำคาญหรือรบกวนสังคม  พวกเราต่างทราบกันดีว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่พวกเราไม่รับรู้คือการประชาทัณฑ์ที่พยายามประณามผู้คน ที่จะสร้างความเสียหาย ทำลายชื่อเสียงให้กับผู้คน ที่จะปฏิเสธผู้คน  ที่จะประณามพวกเขา ซึ่งได้แก่การชอบซุบซิบนินทาประจำวันที่สร้างความเห็นของประชาคม  การชอบติฉินคนอื่นและเอาความดีใส่ตัวเอง บ่อยครั้งพวกเราจะได้ยินคนหนึ่งพูดถึงอีกคนหนึ่งที่พูดร้ายถึงอีกคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจกล่าวว่า “แต่ไม่นะ คนนี้เป็นคนดีชอบธรรม”  “ไม่เลย.. เพราะมีคนเล่ากันว่า… ฉันได้ยินมาว่า…” และพร้อมกันนั้น “มีการกล่าวกันว่า”  จึงเกิดความคิดที่จะกำจัดคนนั้นให้ออกไป  ความอิจฉาไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดี  ความจริงเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม ความจริงเป็นประจักษ์พยานแห่งความจริง ของสิ่งที่คนนั้นเชื่อ ความจริงเป็นสิ่งชัดเจน เป็นสิ่งที่โปร่งใส ความจริงไม่สนใจสิ่งที่กดดัน   พวกเราเห็นสตีเฟนมรณะสักขีคนแรกหลังพระเยซูคริสต์ ท่านเป็นมรณะสักขีองค์แรกของพระศาสนจักร  พวกเราคิดถึงอัครสาวก ทุกคนต่างปฏิบัติตนเป็นประจักษ์พยาน และพวกเราก็คิดถึงมรณะสักขีอีกหลายองค์รวมถึงนักบุญที่พวกเราทำการฉลองในวันนี้ด้วย คือนักบุญเปโตร ชาเนล นี่เป็นการใส่ร้ายที่กล่าวหาว่าเขาเป็นศัตรูกับกษัตริย์… ชื่อเสียงถูกทำลายแล้วก็โดนฆ่า แล้วพวกเราก็คิดถึงตัวเราเอง คิดถึงลิ้นของพวกเรา บ่อยครั้งในการวิจารณ์คนอื่น พวกเราก็เริ่มลงประชาทัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง และพวกเราก็เห็นการลงประชาทัณฑ์กันทุกวันในสถาบันคริสตชนของพวกเรา ที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่เป็นคนช่างนินทา

        ขอพระเยซูคริสต์ช่วยให้พวกเราเป็นคนชอบธรรมในวิธีการตัดสินของพวกเรา ขออย่าให้พวกเราทำตามการประณามผู้อื่นที่เกิดจากการซุบซิบนินทา เป็นคนปากไม่ดี บางคนก็หูเบาไหลไปตามกระแสสังคม

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชิญบรรดาสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

        ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกขอกราบลง ณ แทบพระบาทของพระองค์ ลูกขอมอบการเป็นทุกข์ถึงบาปจากใจจริงของลูก ดวงใจที่มัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องอันไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์พระองค์  ลูกขอกราบนมัสการพระองค์ในศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระองค์ ในขณะที่กำลังรอที่จะรับความสุขแห่งศีลมหาสนิท ลูกปรารถนาที่จะรับพระองค์ทางจิตวิญญาณ  ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดเสด็จมายังลูกเพื่อลูกจะได้เข้าไปหาพระองค์  ขอให้ความรักของพระองค์จงเผาตัวลูกทั้งในชีวิตและในความตาย ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกไว้ใจในพระองค์ ลูกรักพระองค์ อาแมน

Regina caeli laetare, alleluia.

Quia quem meruisti portare, alleluia.

Resurrexit, sicut dixit, alleluia.

Ora pro nobis Deum, alleluia.

(Christ, whom you bore in your womb, alleluia,

Has risen, as He promised, alleluia.

Pray for us to the Lord, alleluia).

(ราชินีสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด อัลเลลูยา

เพราะพระองค์ที่พระแม่อุ้มไว้ในครรภ์ อัลเลลูยา

ได้ทรงกลับเป็นขึ้นมาตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ อัลเลลูยา

โปรดภาวนาต่อพระองค์เพื่อลูกด้วยเทอญ อัลเลลูยา)

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์นี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)