Skip to content

วันฉลองนักบุญยอแซฟกรรมกร

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงชื่นชมนักธุรกิจที่ดีซึ่งปกป้องคนงานดุจลูกหลาน

ขอให้เราอธิษฐานภาวนาต่อนักบุญยอแซฟช่วยพวกเราให้ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของการทำงาน

“เราวิงวอนนักบุญยอแซฟช่วยให้พวกเราต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของการทำงาน…”

ในการฉลองนักบุญยอแซฟกรรมกรวันนี้ วันที่ 1 พฤษภาคม สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขอให้ผู้ที่ติดตามมิสซาส่วนพระองค์ตอนเช้า ณ วัดน้อยภายในสถานพำนักซางตามาร์ธา นครรัฐวาติกัน ขอให้พวกเราร่วมใจภาวนาพร้อมกับพระองค์

พระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสเริ่มต้นพิธีมิสซา ขอให้พวกเรารำลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของไวรัสโคโรนา พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับโลกของผู้ทำงานโดยทั่วไป

พระองค์ทรงแสดงความหวังว่าโลกจะมีสักวันหนึ่งซึ่งจะไม่มีผู้ใดตกงาน และในการทำงานดังกล่าวจะเป็นงานที่มีศักดิ์ศรี และมีการจ่ายค่าแรงที่ชอบธรรม

ในบทเทศน์สมเด็จพระสันตะปาปาทรงไตร่ตรองเรื่องการทำงานของผู้ที่ใช้แรงงาน ซึ่งมีสักกี่ครั้งกี่คราที่คนงานได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายและถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ว่าจ้าง รวมถึงผู้ที่มีทุกข์เพราะว่าพวกเขาไม่มีงานทำ พระองค์ทรงเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นของการที่ต้องมีเงื่อนไขที่ดีในการทำงาน และต้องให้ความเคารพต่อศักดิ์ศรีของคนงานด้วย

“วันนี้พวกเราร่วมใจกับพี่น้องชายหญิงจำนวนมากทั้งผู้ที่มีความเชื่อ และผู้ที่ไม่มีความเชื่อที่ทำการฉลองวันกรรมกร พวกเราร่วมใจกับผู้ที่ทำงานเพื่อสร้างความยุติธรรมในการทำงาน ขอส่งเสริมนักธุรกิจที่ดีที่มีมโนธรรมถูกต้องในการประกอบธุรกิจด้วยความยุติธรรม” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงชื่นชม

“เมื่อสองเดือนที่แล้ว” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเล่า “มีนักธุรกิจในประเทศอิตาลีคนหนึ่งโทรศัพท์มาหาพ่อ ขอร้องให้พ่อสวดภาวนาสำหรับเขา เพราะเขาไม่ต้องการไล่ลูกจ้างคนใดออกจากบริษัท เขากล่าวว่า “เพราะการไล่คนหนึ่งในพวกเขาออกไปก็เหมือนกับไล่ตัวกระผมเอง”

“นี่แหละเป็นการรับรู้ของนักธุรกิจหลายคน ผู้ที่เป็นนักธุรกิจที่ดี” พระสันตะปาปาฟรานซิสชื่นชม “ซึ่งคุ้มครองคนงานราวกับว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของตนเอง”

“พวกเราต้องสวดภาวนาสำหรับบรดดานักธุรกิจที่ดีด้วย” พระองค์ตรัสเพิ่ม

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสรุปโดยกล่าวว่า “พวกเราวิงวอนนักบุญยอแซฟ ซึ่งภาพของท่านในวัดน้อยนี้ ท่านนักบุญถือเครื่องมือในการทำงาน ได้โปรดช่วยพวกเราต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของการทำงาน เพื่อให้ทุกคนมีงานทำ และต้องเป็นงานที่เหมาะสม ไม่ใช่งานเยี่ยงทาส”

“ขอให้หัวข้อนี้เป็นจุดประสงค์และความตั้งใจของการภาวนาของพวกเราในวันนี้” พระองค์ตรัส

สมเด็จพระสันตะปาปาจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชิญชวนบรรดาสัตบุรุษให้ร่วมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)

“ดังนั้นพระเจ้าทรงสร้าง” (ปฐก. 1: 27) พระผู้สร้างทรงสร้างโลก พระองค์ทรงสร้างมนุษย์และมอบหน้าที่ให้มนุษย์จัดการ ให้ทำงาน และให้พัฒนาสิ่งสร้างทั้งมวล คำว่า “งาน” เป็นคำที่พระคัมภีร์ใช้เพื่ออธิบายถึงกิจกรรมของพระเจ้า “พระเจ้าทรงทำงานของพระองค์แล้วเสร็จ และทรงพักผ่อนในวันที่เจ็ด (ปฐก. 2: 2) จากนั้นพระองค์ก็ทรงมอบงานนี้ให้กับมนุษย์: ท่านต้องทำสิ่งนี้ ท่านต้องคุ้มครอง และทำงานอื่นๆ ท่านต้องทำงานร่วมกันกับเราในการสร้าง (ปฐก. 2: 15; 19-20) จนกระทั่งว่าการงานนั้นคือการสานต่องานของพระเจ้า: งานของมนุษย์เป็นกระแสเรียกของมนุษย์ที่ได้รับมาจากพระเจ้าในขณะที่การสร้างจักรวาลเสร็จสิ้นลง

        และงานเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ละม้ายคล้ายกับพระเจ้า เพราะว่าโดยอาศัยการทำงานต่างมนุษย์เป็นผู้สร้าง และสานต่อจากการสร้างของพระเจ้า เขาสามารถที่จะสร้างหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งสร้างชีวิตครอบครัวให้เจริญก้าวหน้า  มนุษย์คือผู้สร้างและสร้างด้วยการทำงาน นี่เป็นกระแสเรียกของพวกเขา พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่าทุกสิ่งที่สร้างนั้นดีมาก”  (ปฐก. 1 31) กล่าวคือ การงานนั้นมีผลดีภายในตัวเองและสร้างสรรค์ความสมานฉันของสิ่งต่างๆ ให้มีความกลมกลืน สร้างสรรค์ความสวยงาม สร้างสรรค์ความดี ซึ่งรวมถึงตัวมนุษย์แบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นด้านความคิด การกระทำ และทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์จะมีความสัมพันธ์กับการทำงาน การทำงานเป็นกระแสเรียกแรกของมนุษย์ และนี่คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีที่ทำให้เขาละม้ายคล้ายกับพระเจ้า ศักดิ์ศรีแห่งการทำงาน

        ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่ของ “องค์กรการีตัส” พูดกับชายคนหนึ่งที่ไม่มีงานทำ และพยายามที่จะหาอะไรบางอย่างมาเลี้ยงครอบครัว “อย่างน้อยคุณก็สามารถที่จำนำขนมปังกลับไปบ้านได้”  “แต่นี่เพียงขนมปังก้อนเล็กๆไม่พอสำหรับผมเอง ยังไม่พอจริงๆในการประทังชีวิต” เป็นคำตอบของชายผู้นั้น “ผมต้องการหาเงินซื้อขนมปังด้วยตัวเองเพื่อที่จะนำกลับบ้านสำหรับครอบครัว”  เขาขาดศักดิ์ศรีที่จะหาขนมปังจากการทำงานของตนเอง ซึ่งน่าเสียดายที่เขาหางานทำไม่ได้  พวกเราอ่านประวัติศาสตร์ว่าพวกเขาเผชิญกับความโหดร้ายขนาดไหนกับสภาพทาส เขาพาทาสไปจากแอฟริกาไปยังอเมริกา เมื่อพ่ออ่านเรื่องนี้แล้วพ่อเศร้าใจมาก แล้วพวกเราก็มักจะกล่าวว่า “ช่างป่าเถื่อนจริง”… ทว่าทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ยังคงมีทาสอยู่มากมาย ยังคงมีชายหญิงจำนวนมากที่ไม่มีอิสระในการทำงาน  พวกเขาถูกบีบบังคับให้ต้องทำงานเพื่อประทังชีวิตไปแต่ละวัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น พวกเขาเป็นทาส เป็นแรงงานเยี่ยงทาส เป็นแรงงานที่ถูกบีบบังคับ ไม่มีความชอบธรรม ไม่ได้รับค่าจ้างอย่างชอบธรรม ซึ่งนำไปสู่การเหยียมย่ำศักดิ์ศรีของพวกเขา  ยังคงมีบุคคลจำพวกนี้มากมายในโลก พวกเราพบในหนังสือพิมพ์เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ว่าในประเทศแถบเอเชีย ชายคนหนึ่งถูกโบยตีจนตาย ลูกชายของเขาคนหนึ่งทำงานได้ไม่ถึงครึ่งดอลล่าร์ต่อวันเพราะการที่เขาทำอะไรผิดบางอย่าง  การเป็นทาสของทุกวันนี้คือ “การไร้ศักดิ์ศรี” เพราะว่ากำจัดศักดิ์ศรีของมนุษย์ไปจากพวกเรา “ชีวิตต้องไม่เป็นเช่นนั้น ฉันทำงาน ฉันมีศักดิ์ศรีของฉัน”  ใช่!! แต่บรรดาพี่น้องของพวกท่านไม่ได้เป็นอย่างท่าน  “ใช่ครับ คุณพ่อ เป็นความจริง แต่นี่เป็นเรื่องไกลตัว และเพราะเป็นเรื่องที่อยู่ไกลตัวก็เป็นเรื่องยากที่ผมจะเข้าใจ  ทว่าสำหรับพวกเราที่อยู่ที่นี่… ขอให้พวกเราคิดถึงคนงาน  คิดถึงวันแรงงาน  ซึ่งหลายชีวิตทำงานด้วยค่าจ้างนิดเดียวไม่ใช่แค่ 8 หรือ 12 แต่เป็น 14 ชั่วโมงต่อวัน เหล่านี้เกิดที่นี่ในทุกวันนี้ ในโลก และก็ที่นี่ด้วย  ลองคิดถึงงานแม่บ้านดู ซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ไม่มีหลักประกันสังคม ไม่มีบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณอายุการทำงาน  นี่ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในภาคพื้นเอเชียแต่กับที่นี่ด้วย  ความอยุติธรรมทุกอย่างที่ปฏิบัติต่อคนงานเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีมนุษย์รวมถึงศักดิ์ศรีของผู้กระทำด้วย  ระดับความยุติธรรมในสังคมจะลดลงจนสุดท้ายจะเหลือแค่ระบบเผด็จการกับทาสเท่านั้น  ตรงกันข้ามกระแสเรียกที่พระเจ้าประทานให้พวกเรานั้นสวยงาม ที่จะสร้างสรรค์ ที่สร้างและฟื้นฟูขึ้นใหม่ ที่จะทำงาน ทว่าจะทำเช่นนี้ได้เมื่อสภาพเอื้ออำนวยและมีการให้ความเคารพต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์

        วันนี้พวกเราร่วมใจกับเพื่อนมนุษย์ชายหญิงทั้งผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่มีความเชื่อที่รำลึกถึงวันแรงงาน สำหรับผู้ที่ต่อสู้เพื่อที่จะมีความยุติธรรมในการทำงาน สำหรับนักธุรกิจที่ดีที่ทำงานด้วยความยุติธรรมแม้ว่าบางครั้งต้องขาดทุน  เมื่อสองเดือนที่แล้วพ่อได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งในประเทศอิตาลีที่ ขอให้พ่อสวดภาวนาสำหรับเขาเพราะเขาไม่ต้องการที่จะปลดคนงานผู้ใดออกไปจากบริษัท เขากล่าวกับพ่อว่า “เพราะการปลดคนงานออกไปคนหนึ่งก็เท่ากับปลดตัวผมเอง”  นี่เป็นการรับรู้ในมโนธรรมของนักธุรกิจที่ดีหลายคนซึ่งปกป้องคนงานเสมือนลูกหลานของตนเอง  พวกเราสวดภาสนาสำหรับพวกเขาด้วย  พวกเราวิงวอนนักบุญยอแซฟ ซึ่งรูปของท่านในวัดน้อยแห่งนี้ในมือท่านนักบุญถือเครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน ขอให้ท่านนักบุญช่วยพวกเราต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของการทำงาน เพื่อทุกคนจะไม้มีงานทำ เป็นงานที่เหมาะสม ไม่ใช่ทำงานเยี่ยงทาส ขอให้นี่เป็นความตั้งใจในคำภาวนาของวันนี้

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชิญบรรดาสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

ต่อไปนี้เป็นบทภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกขอกราบลง ณ แทบพระบาทของพระองค์ ลูกขอมอบการเป็นทุกข์ถึงบาปจากใจจริงของลูก ดวงใจที่มัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องอันไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์พระองค์  ลูกขอกราบนมัสการพระองค์ในศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระองค์ ในขณะที่กำลังรอที่จะรับความสุขแห่งศีลมหาสนิท ลูกปรารถนาที่จะรับพระองค์ทางจิตวิญญาณ  ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดเสด็จมายังลูกเพื่อลูกจะได้เข้าไปหาพระองค์  ขอให้ความรักของพระองค์จงเผาตัวลูกทั้งในชีวิตและในความตาย ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกไว้ใจในพระองค์ ลูกรักพระองค์ อาแมน

Regina caeli laetare, alleluia.

Quia quem meruisti portare, alleluia.

Resurrexit, sicut dixit, alleluia.

Ora pro nobis Deum, alleluia.

(Christ, whom you bore in your womb, alleluia,

Has risen, as He promised, alleluia.

Pray for us to the Lord, alleluia).

(ราชินีสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด อัลเลลูยา

เพราะพระองค์ที่พระแม่อุ้มไว้ในครรภ์ อัลเลลูยา

ได้ทรงกลับเป็นขึ้นมาตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ อัลเลลูยา

โปรดภาวนาต่อพระองค์เพื่อลูกด้วยเทอญ อัลเลลูยา)

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์นี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)