Skip to content

พระองค์ทรงวิงวอนผ่านนักบุญคัทเธรินแห่งซีอานา
นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร ในโอกาสฉลองนามของท่านนักบุญ

“ข้าพเจ้าวิงวอนนักบุญคัทเธรีนแห่งเซียนาได้โปรดคุ้มครองประเทศอิตาลีในช่วงเวลาของโรคระบาดและปกป้องยุโรป เพราะท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ยุโรป ขอให้ท่านปกป้องยุโรปทั้งทวีป เพื่อว่าทวีปยุโรปจะได้มีเอกภาพ”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงวิงวอนต่อท่านนักบุญในวันฉลองนามของท่าน เมื่อเช้าวันพุธที่ 29 เมษายน จากห้องสมุดวาติกันต่อหน้าผู้ที่เข้าเฝ้า ณ ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน

ในการสอนคำสอนต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับ “ความสุขแท้ 8 ประการ” (มหาบุญลาภ) ในคำปราศรัยภาษาอิตาเลียน  สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเน้นการรำพึง “ความสุขแท้ประการที่แปด” กล่าวคือ “ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” (มธ. 5: 10)

“วันนี้ พวกเรารำลึกถงนักบุญคัทเธรินแห่งเมืองซีอานา นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร องค์อุปถัมภ์ประเทศอิตาลี”

        พระองค์ทรงชื่นชมว่า “จากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์ สตรียิ่งใหญ่ผู้นี้ได้รับความกล้าหาญ และความหวัง อันไม่รู้จักสินสุด ซึ่งทำนุบำรุงเธอในยามเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก และยามที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะพังพินาศจนสิ้นหวังไปแล้ว  แต่สามารถทำให้เธอกลับมีพลังและมีแรงผลักดันต่อผู้อื่น ทั้งจากผู้คนระดับสูง ทั้งฝ่ายบ้านเมือง และพระศาสนจักรด้วยพลังแห่งความเชื่อของเธอ”

“ขอให้แบบฉบับของนักบุญคัทเธรินแห่งซีอานา” พระองค์อธิษฐาน “ช่วยให้พวกเราแต่ละคนรับรู้อย่างดีที่จะยึดมั่นอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความรักต่อพระศาสนจักรอย่างมีประสิทธิภาพ ในความเอื้ออาทรเพื่อเห็นแก่ชุมชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามแห่งวิกฤตที่พวกเรากำลังเผชิญขณะนี้”

“ข้าพเจ้าวอนขอนักบุญคัทเธริน” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอธิษฐาน “ให้ช่วยคุ้มครองประเทศอิตาลี ในช่วงที่มีโรคระบาดนี้ และปกป้องทวีปยุโรป เพราะว่าเธอเป็นองค์อุปถัมภ์ยุโรป ขอให้เธอปกป้องทั้งยุโรป เพื่อทว่าทวีปยุโรปจะได้มีเอกภาพ”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงแผ่ความคิดไปถึงเยาวชน ผู้สูงอายุ คนเจ็บป่วย และบุคคลที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ  “พ่อขอเตือนให้พวกท่านเป็นประจักษ์พยานชีวิตต่อพระเยซูคริสต์ ผู้เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพ  ผู้ทรงแสดงให้พวกเราเห็นรอยแผลอันรุ่งโรจน์แห่งการทรมานของพระองค์แก่บรรดาศิษย์ พ่อขออวยพรทุกคนด้วยความรัก” พระองค์ตรัส

หลังจากสรุปคำสอนเป็นภาษาต่างๆแล้วสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงทักทายบรรดาสัตบุรุษ การเข้าเฝ้าสิ้นสุดลงด้วยการขับร้องเพลง “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ตามด้วยการอวยพรของสมเด็จพระสันตะปาปา

คำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)

อรุณสวัสดิ์ลูกๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

วันนี้พ่อขอสรุปคำสอนเรื่อง “ความสุขแท้แปดประการ” (มหาบุญลาภ) ดังที่พวกเราได้ยินได้ฟังการประกาศของวันนี้  ความสุขแท้ประการที่แปดเป็นความชื่นชมยินดีสุดท้ายของผู้ที่ถูกเบียดเบียนเพราะความชอบธรรม  ความสุขแท้ประการนี้ประกาศยืนยันในความชื่นชมยินดีเดียวกัน กับเรื่องความสุขแท้ประการที่หนึ่ง อาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่ถูกเบียดเบียนเช่นเดียวกับกับผู้ที่มีจิตใจยากจน ดังนั้นพวกเราจึงมาถึงจุดสุดท้ายของการสอนคำสอนเรื่องความสุขแท้นี้

จิตใจยากจน การร้องไห้ ความสุภาพอ่อนโยน ความกระหายความศักดิ์สิทธิ์ ความเมตตา การชำระจิตใจให้สะอาด และการทำงานเพื่อสันติสุขสามารถนำไปสู่การเบียดเบียนเพราะพระเยซูคริสต์ แต่ในที่สุดแล้วการเบียดเบียนจะกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดี และรางวัลอันยิ่งใหญ่ในสรวงสวรรค์  วิถีแห่งการนำไปสู่ควารมสุขแท้ (มหาบุญลาภ) เป็นวิถีแห่งปัสกาซึ่งนำจากชีวิตที่เป็นไปตามโลกนี้ไปสู่โลกที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า จากการมีชีวิตที่ถูกชักนำด้วยเนื้อหนังมังสาคือการเห็นแก่ตัวไปสู่ชีวิตที่ไดรับการชี้นำจากพระจิต ชีวิตประสาโลกพร้อมกับอุดมการณ์ การออมชอม และคำสัญญาต่างๆมากมายไม่สามารถเดินเคียงไปกันได้กับชีวิตแห่งความเป็นอยู่ชนิดนี้ “โครงสร้างของบาป” [1] ซึ่งบ่อยๆครั้งเกิดจากความคิดตามประสามนุษย์ซึ่งแตกต่างจากการชักนำของพระจิต ผู้เป็นองค์แห่งความจริงที่แนวทางของโลกไม่อาจที่จะรับได้ (เทียบ ยน. 14: 17) พวกเขาไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากการปฏิเสธความยากจน หรือความสุภาพอ่อนโยน หรือความบริสุทธิ์ และประกาศการดำเนินชีวิตไปตามพระวรสารว่าเป็นความหลงผิดและเป็นปัญหา ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดให้หมดไป ชาวโลกคิดเช่นนั้น “เหล่านี้คือนักฝัน หรือพวกไม่ค่อยสมประกอบทางความคิด… ที่คิดเช่นนั้น

หากโลกของเราดำเนินไปโดยการยึดถือเงินทองเป็นใหญ่ ดังนั้นใครที่แสดงตนว่าชีวิตจะประสบความสมบูรณ์ได้ด้วยพระพรและการปฏิเสธตนเองก็จะกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญสำหรับระบบการละโมบ งก  คำว่า “รำคาญ”  คือกุญแจดอกสำคัญ เพราะลำพังการเป็นประจักษ์พยานซึ่งสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเพราะติดตามหนทางนี้นั้นไปสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่มีจิตใจแบบโลกียวิสัย  พวกเขาถือว่านี่คือการตำหนิพวกเขา  เมื่อความศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นและชีวิตแบบใสๆในพระเจ้าปรากฏออกมา ในความงดงามนั้นมีอะไรบางอย่างที่สร้างความไม่สบายใจซึ่งเรียกร้องให้ต้องมีการตั้งตัว คือต้องมีการถามตนเองหรือมิฉะนั้นก็ต้องเปิดใจสู่ความดี หรือสู่การปฏิเสธแสงสว่างนั้นและมีใจที่แข็งกระด้าง แถมยังทำให้เกิดการต่อต้านและเกิดความโกรธ (เทียบ ปชญ. 2: 24-15) นี่เป็นเรื่องที่แปลก ความสนใจของคนเราอยู่ที่ว่าในการเบียดเบียนมรณะสักขี การเป็นอริกลายเป็นความโกรธต่อคริสตชน ต่อการเป็นประจักษ์พยานของคริสตชน และต่อการเป็นวีรชนของคริสตชน ทว่านี่แสดงให้เห็นว่าโศกนาฏกรรมแห่งการเบียดเบียนก็ยังเป็นความเป็นไทจากการยอมแพ้เป็นความสำเร็จ เป็นชัยชนะต่อการทรนงและต่อการออมชอมของโลก ผู้ที่ปฏิเสธโลกเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์จะมีความชื่นชมยินดีอะไร?  เขายินดีเพราะเขาได้พบกับอะไรบางอย่างที่มีค่ามากว่าโลกทั้งโลก  ความจริง “มนุษย์จะได้ประโยชน์อะไรที่จะมีโลกทั้งโลกเป็นกรรมสิทธิ์แล้วต้องเสียวิญญาณไป?” (มก. 8: 36) จะมีประโยชน์อะไร?

นี่เป็นเรื่องน่าเจ็บปวดเมื่อคิดว่า ณ เวลานี้มีคริสตชนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับการเบียดเบียนในภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งพวกเราต้องมีความหวัง และช่วยกันภาวนาให้ความทุกข์ของพวกเขายุติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้  มรณะสักขีของทุกวันนี้มีจำนวนมาก มากกว่ามรณะสักขีในคริสตศตวรรษแรกๆเสียอีก พวกเราขอแสดงความใกล้ชิดกับบรรดาพี่น้องชายหญิงเหล่านั้นของพวกเรา พวกเราเป็นกายเดียวกัน  และคริสตชนเหล่านั้นเป็นอวัยวะที่หลั่งโลหิตแห่งพระกายของพระเยซูคริสต์ซึ่งได้แก่พระศาสนจักร

แต่พวกเราต้องระมัดระวังที่จะไม่อ่านเรื่อคำสอนความสุขแท้นี้ในทำนองสงสารตนเองหรือเห็นใจตนเอง  ความจริงการสบประมาทของผู้คนไม่ได้มีความหมายเช่นเดียวกับการเบียดเบียน  ความจริงหลังจากที่พระเยซูคริสต์ตรัสว่าคริสตชนเป็น “เกลือของแผ่นดิน”  พระองค์ก็ทรงเตือนใจให้พวกเราระวังตัวทันทีที่จะต้องไม่ปล่อยให้ “เกลือเสียรสชาติ มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากจะโยนทิ้งออกไปให้ผู้คนเหยียบย่ำ” (มธ. 5: 13) ดังนั้นจึงมีการสบประมาทซึ่งเป็นความผิดของเราเองเมื่อตัวเราสูญเสียรสชาดของพระเยซูคริสต์และของพระวรสาร

จำเป็นที่ต้องซื่อสัตย์ต่อหนทางสุภาพแห่งคำสอนเรื่องความสุขแท้ เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่นำพวกเราเราไปสู่พระเยซูคริสต์ไม่ใช่ไปสู่แนวทางแบบโลก เป็นการดีที่จะจดจำเรื่องราวของนักบุญเปาโล เมื่อท่านคิดว่าท่านเป็นคนชอบธรรม ความจริงแล้วท่านคือนักเบียดเบียนคริสตชน ทว่าเมื่อท่านรู้ตัวว่าท่านเป็นนักเบียดเบียน ท่านกลับใจเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นบุคคลที่มีแต่ความรัก ซึ่งท่านมีความชื่นชมยินดีที่ในที่สุดท่านเองก็ถูกเบียดเบียนรับทุกข์ทรมาน (เทียบ คส. 1: 24) การถูกรังเกียจและการเบียดเบียนหากพระเจ้าประทานพระหรรษทานให้พวกเราจะทำให้พวกเราเป็นดุจพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน และโดยอาศัยการที่พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกับการทรมานของพระองค์จะเป็นการแสดงให้พวกเราเห็นถึงชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่นี้จะเป็นเสมือนชีวิตของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระผู้ไถ่ของพวกเราที่ถูก “ดูหมิ่นและถูกปฏิเสธจากมนุษย์” (เทียบ อสย. 53: 3; กจ. 8: 30-35)  พระจิตเจ้าสามารถนำพวกเราให้มีความรักในดวงใจของเรา ในการอุทิศชีวิตของเราสำหรับโลกโดยไม่มีการออมชอมกับการหลอกลวงและยอมรับการฏิเสธของโลก  การออมชอบกับโลกเป็นสิ่งอันตาย บรรดาคริสตชนมักจะถูกล่อลวงเสมอให้ออมชอมกับโลกให้มีเจตนารมณ์เช่นเดียวกับโลก  การปฏิเสธการออมชอมแล้วเดินไปตามเส้นทางของพระเยซูคริสต์ คือชีวิตแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ซึ่งเป็นความชื่นชมยินดีที่ยิ่งใหญ่และเป็นความสุขแท้จริงที่สุด  และในการเบียดเบียนนั้นพระเยซูคริสต์จะทรงประทับอยู่ด้วยเสมอซึ่งพระองค์จะคอยติดตามพวกเราไป การประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงบรรเทาใจพวกเราและมอบพลังแห่งพระจิตซึ่งจะช่วยให้พวกเราสามารถสู้ทนต่อไป  ขอให้พวกเราจงอย่าได้หมดกำลังใจเมื่อชีวิตที่ยึดติดกับพระวรสารก่อให้เกิดการเบียดเบียน พระจิตเจ้าจะทรงทำนุบำรุงพวกเราในหนทางนี้

[ต้นฉบับเป็นภาษาอิตาเลียน]

ขอต้อนรับสุตบุรุษที่พูดภาษาอิตาเลียน  วันนี้พวกเราฉลองนักบุญคัทเธรินแห่งเมืองซีอานา องค์อุปถัมภ์ประเทศอิตาลี  สตรียิ่งใหญ่ผู้นี้นำเอาความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้ามาเป็นพลังในการกระทำที่กล้าหาญ และความหวังอันไม่มีวันสิ้นสุดที่ทำนุบำรุงเธอในยามที่มีความทุกข์เผชิญความยุ่งยากลำบาก แม้กระทั่งยามที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะหมดทางแก้ไข สิ้นหวัง และก็ยังสามารถทำให้เธอมีเรี่ยวแรงผลักดันเหนือผู้อื่นได้ ทั้งในระดับสูงทั้งทางราชการ บ้านเมือง และทางพระศาสนจักรด้วยพลังแห่งความเชื่อของเธอ  ขอให้แบบฉบับของเธอช่วยให้พวกเราแต่ละคนเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และมีความรักต่อพระศาสจักรอย่างเข้มข้นในความเอื้ออาทรอันมีประสิทธิภาพเพื่อเห็นแก่ชุมชนพลเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามแห่งวิกฤตนี้  พ่อวิงวอนนักบุญคัทเธรินให้ช่วยคุ้มครองในช่วงแห่งโรคระบาดนี้และคุ้มครองยุโรปด้วยเพราะว่าเธอเป็นองค์อุปถัมภ์ของทวีปยุโรป ขอให้ท่านนักบุญคุ้มครองทั่วทั้งยุโรปเพื่อว่ายุโรปจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน

        พ่อคิดถึงเยาวชน ผู้สูงอายุ คนป่วย และบุคคลที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆเป็นพิเศษ พ่อขอเตือนใจทุกคนให้เป็นประจักษ์พยานต่อพระเยซูคริสต์ผู้ทรงกลับคืนชีพ ซึ่งบัดนี้ทรงแสดงให้เห็นบาดแผลอันรุ่งโรจน์แห่งการทรมานของพระองค์ต่อบรรดาอัครสาวก  พ่อขออวยพรทุกคนจากหัวใจ

[1] Address to the Participants in the Workshop “New Ways of Solidary Fraternity, of Inclusion, Integration and Innovation,” February 5, 2020: “The Idolatry of Money, Greed, Corruption Are All ‘Structures of Sin’ — as John Paul II defined them — produced by the “Globalization of Indifference.’”

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำสอนของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและไตร่ตรอง)