Skip to content

พระสงฆ์หนุ่มองค์หนึ่งกำลังเยี่ยมผู้ป่วยบางคนที่เป็นสัตบุรุษจากวัด  ในโรงพยาบาล  ขณะที่กำลังเดินที่ระเบียง  ก็มีซิสเตอร์คนหนึ่งทักทายคุณพ่อ  กล่าวว่า  “คุณพ่อคะ  ช่วยเข้าไปที่ห้องนี้ได้ไหมมีชายคนหนึ่ง  กำลังนอนรอความตาย  เขามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว  เราได้ขอพระสงฆ์หลายองค์มาเยี่ยม  แต่คนป่วยไล่ทุกคน  เขาไม่ต้องการพูดถึงพระเยซูเจ้า  แต่เขากำลังสิ้นใจ  คุณพ่อกรุณาไปเยี่ยมเขาได้ไหมค่ะ”

            พระสงฆ์จึงเข้าไป  และแนะนำตนต่อผู้ป่วย  แต่เขาขัดจังหวะ  และเริ่มด่าพระสงฆ์  เขาโกรธมาก “ผมไม่ต้องการอะไร…  ออกไป”

            พระสงฆ์องค์นั้นกล่าว  “ตกลง”  แล้วเดินออกจากห้องนั้น  ซิสเตอร์ยังอยู่ที่นั่น  กล่าวว่า  “คุณพ่อกลับเข้าไปอีกได้ไหมคะ”    พระสงฆ์ตอบ  “ เขาไม่ต้องการให้พ่อทำอะไรให้”     “ขอโอกาสอีกครั้งนะคะ”  ซิสเตอร์ขอร้อง  คุณพ่อจึงกลับเข้าไปในห้องนั้นอีก  “ผมจะไม่ขอว่าคุณต้องการแก้บาปไหม  ต้องการรับศีลมหาสนิทไหม  ผมขอนั่งใกล้เตียง  และสวดบทพระเมตตาได้ไหม”

            ชายชราตอบ  “ผมไม่สน  อยากทำอะไรก็ทำไป”  คุณพ่อนั่งลง  และเริ่มสวดบทพระเมตตา  เบาๆ  “เดชะพระทรมานอันน่าเศร้าสลดยิ่งของพระเยซูเจ้า  ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลาย  และชาวโลกทั้งมวลเทอญ…”

            ชายคนนั้นตะโกนว่า  “พอที”  ทำให้คุณพ่อตกใจ  มองเขาและถามว่า “ทำไมล่ะ”

“เพราะไม่มีพระเมตตาสำหรับฉัน”  คุณพ่อถามต่อ  “ทำไหมคุณจึงคิดว่าพระไม่มีพระเมตตาสำหรับ คุณ”ชายชราตอบว่า  “ไม่มีอะไร”  แต่พระสงฆ์ยืนยันว่า  “ทำไมคุณจึงคิดว่าพระไม่เมตตาคุณ”

            “ฉันจะเล่าให้ฟัง…  25 ปีมาแล้ว  ผมทำงานที่ทางการรถไฟ  งานของผมคอยให้สัญญาณรถ  เมื่อรถไฟจะมา  เพื่อป้องกันรถยนต์มิให้เกิดอุบัติเหตุ   แต่คืนหนึ่ง   ผมเมา  ผมไม่ได้ยกสัญญาณเวลารถไฟมา  ทำให้สามี-ภรรยา  และลูก  3 คน  ถูกรถไฟชน  พวกเขาเสียชีวิตทันที  มันเป็นความรับผิดชอบผม  ดังนั้นจึงไม่มีพระเมตตาสำหรับผม…ผมผิด…มันจบแล้ว”

            พระสงฆ์เพียงแต่นั่ง  มองที่สายประคำในมือของเขา  ในที่สุดเขาถามว่า  “เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไหนครับ”

ชายชราคนนั้นบอกชื่อเมืองในประเทศโปแลนด์

            พระสงฆ์มองชายคนนั้น  และกล่าวว่า  “ 25 ปีมาแล้ว  พ่อแม่ของผมกับลูกเล็กๆ กำลังเดินทาง  ผมไม่สามารถไปด้วยกับพวกเขา  พวกเขากำลังขับรถผ่านเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง  เพราะเหตุผลบางอย่าง  เจ้าหน้าที่รถไฟมิได้ให้สัญญาณรถช้าลง ตรงข้ามทางรถไฟนั้น  ขณะพวกเขากำลังข้ามทางรถไฟ  รถไฟมาถึงพอดี …ทำให้ทุกคนเสียชีวิต…  ผมสูญเสียทั้งครอบครัวในคืนนั้น”  พระสงฆ์จ้องดูใบหน้าของชายคนนั้น  และกล่าวว่า  “พี่ชาย  พระเจ้าทรงให้อภัยคุณ… ผมก็ให้อภัยคุณด้วย”

            ชายคนนั้นจึงตระหนักว่า  พระเมตตาของพระเจ้ามีสำหรับเขาด้วย  พระสงฆ์ถามว่า  “คุณจะแก้บาป  และรับศีลมหาสนิทไหม”  ชายคนนั้นจึงได้รับศีลอภัยบาป  และศีลมหาสนิท   2 วันต่อมา  เขาก็สิ้นใจ  พระเมตตาชนะ  ความผิดหวังล้มเหลวไม่ใช่หมดหวัง

            เรื่องนี้ยังมีต่อ…  คือหลังจากชายคนนั้นได้รับศีลมหาสนิท  คุณพ่อก็ไปตามหาซิสเตอร์คนนั้น …แต่ไม่พบ  เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่า  “เราไม่ได้จ้างซิสเตอร์ทำงานที่โรงพยาบาลนี้”

            2 -3 ปีต่อมา  พระสงฆ์องค์นี้ไม่รู้ว่าซิสเตอร์คนนั้นเป็นใคร  ในที่สุด  คุณพ่อไปที่เมืองวิลนีอุส  ซึ่งนักบุญโฟสตีน่าเคยอาศัยอยู่  คุณพ่อไปที่อารามเพื่อถวายมิสซาให้บรรดาซิสเตอร์ที่นั่น  คุณพ่อเห็นภาพนักบุญโฟสตีน่าที่กำแพง  จึงกล่าวว่า  “พ่อได้พบซิสเตอร์ นี้ 2 -3  ปีมาแล้ว”

            “เป็นไปไม่ได้ค่ะ  คุณพ่อ  เธอเสียชีวิตตั้งแต่ปี 1938 “  ซิสเตอร์คนหนึ่งตอบ

            คุณพ่อจึงรู้ว่าเป็นซิสเตอร์โฟสตีน่าผู้มาบอกท่านให้กลับไปที่ห้องผู้ป่วยนั้นอีกครั้งหนึ่ง

            ความผิดหวังล้มเหลว  มิใช่หมดหวัง  เมื่อมาหาพระเยซูเจ้า

            พระเยซูเจ้า  มิได้สิ้นพระชนม์อีกต่อไป   พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว  พระองค์ทรงดูแลทุกสิ่งสร้าง  ด้วยพลานุภาพ  เพื่อนำทุกสิ่งในโลก  ช่วยเธอ  ให้ปลอดภัย  ไปสู่ชีวิตนิรันดร์นั้น

ขอให้เธอมีสันติสุขเสมอ  อาแมน
ขอพระเจ้าอวยพรเราทุกคน

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์