Skip to content

“ความศรัทธาที่แท้จริงในศาสนาอยู่ที่การรักพระเจ้าอย่างสิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนบ้านเสมอเหมือนรักตนเอง”

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเรียกร้องสันติภาพ การเสวนา และเสรีภาพในการนับถือศาสนาต่อที่ประชุมสากลซึ่งจัดขึ้นที่กรุงอาบูดาบี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเยือนสหรัฐอาหรับเอมีเรตส์ ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ ของสมเด็จพระสันตะปาปาซึ่งในการประชุมภายใต้หัวข้อ “ภราดรภาพและการมีชีวิตอยู่ร่วมกันในโลก” รวมถึงคำปราศรัยที่ค่อนข้างยาวและการลงนามสัญญาร่วมระหว่างสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและประมุขอิหม่ามแห่งอัล-ลาซาร์ (Al-Azhar)

ในคำปราศรัยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเน้นว่า “การใช้ความรุนแรงไม่สามารถสร้างความชอบธรรมในนามของศาสนาได้”  แล้วพระองค์ก็ทรงอ้างถึงการประชุมที่เกิดขึ้นนานมาแล้วระหว่างนักบุญองค์หนึ่งกับสุลต่านท่านหนึ่ง:

“ด้วยหัวใจที่รู้สึกกตัญญูต่อพระเจ้าในศตวรรษที่ 8 เกี่ยวกับกระประชุมระหว่างนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีและสุลต่าน อัล-มาลิค คามิล (Sultan al-Malik al Kamil) ข้าพเจ้าจึงถือโอกาสเดินทางมาที่นี้ในฐานะผู้ที่มีความเชื่อและผู้ที่แสวงหาสันติภาพระหว่างบรรดาพี่น้องด้วยกัน  เรามาที่นี่เพื่อต้องการสันติสุข เพื่อส่งเสริมสันติสุข เพื่อเป็นเครื่องมือแห่งสันติสุข”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงอธิบายอย่างชัดเจนระหว่าง “ภราดรภาพ” และ “ปัจเจกนิยม” ซึ่งสามารถกระตุ้นความอยากที่ยึดเฉพาะ “ตนเองและพรรคพวกของตนอยู่เหนือผู้อื่น”

“ความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาที่แท้จริงอยู่ที่การรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนบ้านเสมอหนึ่งรักตนเอง” พระสันตะปาปาตรัส  “เพราะฉะนั้นพฤติกรรมทางศาสนาจำเป็นต้องมีการชำระล้างให้บริสุทธิ์อยู่เสมอจากการประจญที่คอยแต่จะตัดสินผู้อื่นว่าเป็นศัตรู  ความเชื่อแต่ละระบบถูกเรียกร้องให้เอาชนะต่อการแบ่งแยกระหว่างมิตรและศัตรูเพื่อที่จะรับมิติแห่งสวรรค์ซึ่งโอบอุ้มทุกคนโดยไม่มีการแบ่งชั้นอภิสิทธิ์หรือการแบ่งชนชั้น”

เสรีภาพในการนับถือศาสนาอยู่เกินเลยที่เราคิด “เสรีภาพในการนมัสการพระเจ้า”  หมายถึงการมองผู้อื่นว่าเป็นพี่น้องของตนด้วย  ขณะเดียวกันเรียกร้องให้มี “ความกล้าที่จะมีการเสวนากัน” พระองค์ตรัสว่า นี่เป็น “หัวใจของการสนทนากัน” นี่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอนาคต

“เราไม่มีทางเลือก: เราต้องช่วยกันสร้างอนาคต มิฉะนั้นก็จะไม่มีอนาคต” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเตือนใจว่า “โดยเฉพาะเรื่ยงราวทางศาสนา เราไม่สามารถปฏิเสธหน้าที่เร่งด่วนที่ต้องสร้างสะพานระหว่างประชากรและวัฒนธรรม  ถึงเวลาแล้วที่ศาสนาจะต้องแสดงตนให้ปรากฏชัดเจนด้วยความกล้าหาญ ไม่มีการเสแสร้งที่ต้องช่วยครอบครัวมนุษย์ให้สามารถที่จะหันกลับคืนดีกับพระเจ้า ให้มีวิสัยทัศน์แห่งความหวังและมีหนทางที่เป็นรูปธรรมแห่งสันติสุข

“ข้าพเจ้ามองไปยังสังคมต่างๆที่ประชากรซึ่งนับถือศาสนาต่างๆมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นประชาชนของประเทศ แต่ในกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างกันเท่านั้นที่สิทธิของประชาชนถูกริดรอน”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวสรุปโดยเรียกร้องให้ยุติสงครามซึ่งเป็นความโหดร้ายที่น่าเวทนา ซึ่งพระองค์ทรงยกตัวอย่างของความขัดแย้งในประเทศเยเมน ซีเรีย อิรัค และลิเบีย

สัญญาร่วมเกี่ยวกับ “ภราดรภาพเพื่อสันติภาพโลกและการดำเนินชีวิตร่วมกัน” สะท้อนให้เห็นถึงหลายประเด็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและเน้นเป็นพิเศษถึงบางประเด็นดังต่อไปนี้:

  • ความเชื่อมั่นว่าคำสอนที่ถูกต้องถ่องแท้ของศาสนาเชื้อเชิญเราทุกคนให้รักษารากเหง้าในคุณค่าและสันติสุข
  • เสรีภาพเป็นสิทธิของมนุษย์ทุกคน
  • ความยุติธรรมที่ตั้งอยู่บนความเมตตาเป็นหนทางที่เราต้องติดตามเพื่อที่จะบรรลุถึงชีวิตที่มีเกียรติซึ่งมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ
  • การเสวนา ความเข้าใจ และการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งอหิงสาอย่างกว้างขวาง การยอมรับผู้อื่น และการเจริญชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขจะช่วยลดปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงมากสำหรับมนุษย์โลกส่วนใหญ่
  • การเสวนาระหว่างผู้มีความเชื่อหมายถึงการมาอยู่ร่วมกันในเวทีฝ่ายจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับแบ่งปันคุณค่าทางสังคมระหว่างกัน และจากจุดนี้ก็ถ่ายทอดคุณธรรมฝ่ายจริยธรรมสูงสุดที่ศาสนาปรารถนา แล้วยังหมายถึงหลีกเลี่ยงการเสวนาที่ไม่มีประโยชน์ด้วย
  • การปกป้องสถานที่นมัสการไม่ว่าจะเป็น ณ ศาลาธรรม (ไซนาก็อก) วัด หรือสุเหร่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรมในมุมองของศาสนา คุณค่าของมนุษย์ กฎหมาย และข้อตกลงสัญญาสากล  ความพยายามที่จะทำลายสถานที่นมัสการดังกล่าวหรือข่มขู่ด้วยการโจมตี การทิ้งระเบิดใส่ หรือทำลาย เป็นความผิดเพี้ยนจากคำสอนของศาสนาและเป็นการละเมิดต่อกฎหมายสากลอย่างชัดเจน
  • การก่อการร้ายเป็นเรื่องยากที่จะอดทนและเป็นบ่อนทำลายความปลอดภัยของประชาชนไม่ว่าจะเป็นที่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือหรือทิศใต้  ซึ่งหว่านความตระหนก ความกลัว และการมองโลกในแง่ร้าย แต่นี่ไม่ใช่เป็นเพราะศาสนา แม้ผู้ก่อการร้ายจะใช้เป็นเครื่องมือ
  • ความคิดเรื่องการเป็นประชาชนมีพื้นฐานอยู่ในสิทธิและหน้าที่ซึ่งภายใต้สองสิ่งนี้ทุกคนจะได้รับความยุติธรรม
  • ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตะวันออกและตะวันตกเป็นความจำเป็นที่จะขาดเสียมิได้สำหรับทั้งสองฝ่าย
  • เป็นความจำเป็นที่ต้องให้การยอมรับสิทธิของสตรีในการศึกษา การทำงาน และยอมรับเสรีภาพของพวกเขาในการใช้สิทธิทางการเมือง
  • การคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของเด็กในการเจริญเติบโตภายบรรยากาศในครอบครัว ที่จะได้รับอาหารบำรุงเลี้ยง ที่จะได้รับการศึกษา และได้รับการสนับสนุนเป็นหน้าที่ของครอบครัวและสังคม
  • การคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุ คนที่อ่อนแอ คนพิการ และคนที่ถูกรังแกข่มเหงเป็นข้อบังคับทางศาสนาและสังคมที่ต้องมีหลักประกันและได้รับการปกป้องโดยอาศัยกฎหมายที่เข้มงวดและปฏิบัติตามข้อตกลงสากล

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเรื่องนี้มาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา และการไตร่ตรอง)