Skip to content

“ท่านใช้เวลาสนทนากับทูตสวรรค์ผู้อารักขาของท่านบ้างหรือเปล่า?”

วันอังคาร ที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2018

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงต้องการทราบว่าท่านใช้เวลาในการพูดคุยกับทูตสวรรค์ผู้อารักขาของท่านบ้างหรือเปล่า?เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018 พระองค์ตรัสว่าพระองค์ไม่สงสัยเลยว่าการสนทนากันดังกล่าวนั้นมีความสำคัญ

พระองค์ตรัสเช่นนี้ในบทเทศน์ระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ วัดน้อยซางตา มาร์ธานครรัฐวาติกันในโอกาสวันฉลองทูตสวรรค์ผู้อารักขา

ในหนทางแห่งชีวิตคริสตชนได้รับความช่วยเหลือจาก “มิตรสหายและผู้พิทักษ์คุ้มครอง” ซึ่งเป็นดุจเข็มทิศที่คล้ายกับเป็นมนุษย์ที่ช่วยชี้นำหนทางให้เราเดิน”  พระสันตะปาปาตรัสในบทเทศน์ของพระองค์ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าววาติกัน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพูดถึงอันตราย 3 ประการที่ทูตสวรรค์ผู้อารักขาสามารถช่วยเราให้พ้นภัยต่างๆได้

  1. อันตรายจากการอยู่นิ่งเฉยไม่มีการก้าวหน้าเพราะกลัวต่อความเสี่ยง
  2. อันตรายจากการที่เดินในหนทางที่ผิด
  3. อันตรายที่เกิดจาการเดินออกนอกเส้นทาง หลงทาง และเกิดความสับสน

อันตรายประการแรก – การอยู่นิ่งเฉย – ดูเหมือนจะเป็นอันตรายพิเศษ

 

“นี่เป็นอันตรายของการที่ไม่ยอมออกเดินทาง มีผู้คนกี่มากน้อยที่ปักหลักอยู่เฉยๆ ไม่ยอมออกเดินทาง ชีวิตพวกเขาอยู่อย่างนิ่งเฉย ไม่มีการขยับเขยื้อน ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้น…  นี่คืออันตราย”  พระองค์อธิบายว่า “เหมือนกับชายคนนั้นในพระวรสารที่กลัวเอาหนึ่งเหรียญไปลงทุน เขาเอาเหรียญนั้นไปฝังดินไว้โดยกล่าวว่า “ฉันรู้สึกสบายใจและมีความสงบสุข ฉันไม่สามารถจะพลาดท่าเสียทีได้  เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เสี่ยง”

“ดังนั้นคนเป็นอันมากจึงไม่ทราบว่าจะต้องเดินทางอย่างไร หรือกลัวที่จะเสี่ยง พวกเขาจึงอยู่เฉยๆ  แต่เราทุกคนทราบกฎเกณฑ์กันดีว่าคนที่อยู่เฉยๆในชีวิตจะลงเอยด้วยการเป็นคนคอรัปชั่น  เหมือนกับน้ำ  เมื่อน้ำมันนิ่งไม่ไหลยุงก็จะมาวางไข่แล้วทุกสิ่งก็จะเสียไป  ทูตสวรรค์ผู้อารักขาจะช่วยเราให้เดินทางต่อไป”

ส่วนอันตรายที่สองคือการเลือกเดินทางผิด และอันตรายที่สามคือหลงทาง สับสน คืออะไร?  สมเด็จพระสันตะปาปาทรงแสดงให้เราเห็นว่าทูตสวรรค์จะช่วยชี้นำเราได้อย่างไร?

“พระเจ้าตรัสว่า จงให้ความเคารพต่อการประทับอยู่ของทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์เป็นผู้ที่มีอำนาจในการชี้นำทางให้กับเรา ดังนั้นจงฟังท่าน จงฟังเสียงของท่าน และจงอย่าได้เป็นขบถหรือดื้อดึงกับท่านจงตั้งใจฟังการดลใจของท่านซึ่งเป็นแรงดลใจที่มาจากพระจิตเสมอ เพราะทูตสวรรค์เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ”

“แต่พ่ออยากถามพวกท่านคำถามหนึ่ง: ท่านใช้เวลาสนทนากับทูตสวรรค์ผู้อารักขาของท่านบ้างหรือเปล่า?  ท่านทราบชื่อทูตสวรรค์ประจำตัวของท่านไหม?  ท่านฟังทูตสวรรค์ของท่านบ้างไหม?  ท่านยอมให้ทูตสวรรค์ของท่านจูงมือท่านเดินไปตามหนทางเดินของท่านหรือไม่ หรือต้องมีการผลักดันท่านจึงจะเดิน?”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเน้นว่าทูตสวรรค์ผู้อารักขาของเราไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเดินในหนทางที่ถูกต้องเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราเห็นเป้าหมายปลายทางของเราด้วย

“ทูตสวรรค์ของเราไม่เพียงแต่จะประทับอยู่กับเราเท่านั้น แต่ท่านยังเห็นพระบิดาเจ้าสวรรค์ด้วย   ท่านมีความสัมพันธ์กับพระบิดา  ท่านเป็นสะพานประจำวันตั้งแต่วินาทีแรกที่เราตื่นนอนจนกระทั่งเราเข้านอน  ท่านติดตามเราไปทุกแห่งและเป็นผู้ที่เชื่อมโยงเรากับพระบิดาเจ้า  ทูตสวรรค์เป็นประตูเปิดสูสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อที่จะพบกับพระบิดา กล่าวคือ ทูตสวรรค์ช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าเพราะท่านทอดสายตาไปยังพระบิดาเจ้าและท่านรู้จักหนทางอย่างดี  ขอให้เราอย่าได้ลืมมิตรสหายผู้ซื่อสัตย์ร่วมเดินทางของเรา”

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์ของพระสันตะปาปามาไตร่ตรอง)