Skip to content

การกลับมาของลูกที่หายไป เป็นภาพวาดสีน้ำมัน โดยจิตรกรชาวฮอแลนด์ ที่ชื่อ แร็มบรันต์ (Rembrandt 1606-1669) รูปนี้พบได้ในพิพิธภัณฑ์ในเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) สหพันธรัฐรัสเซีย    จุดเด่นของภาพนี้คือ ภาพของบิดาและลูกคนเล็ก ที่ดูคล้ายกับว่าเป็นรูปเดียวกันเพราะทั้งสองได้กอดกัน

จิตรกร แร็มบรันต์ได้วาดภาพนี้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขา บางทีภาพนี้อาจจะเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายในผลงานมากมายที่เขาได้ทำ ถ้าเรารู้ถึงความไม่สงบภายในจิตใจในชีวิตของเขา เราจะเข้าใจว่าภาพนี้เป็นภาพที่แสดงออกถึงประสบการณ์ในชีวิตของเขาเอง เมื่อเขายังเป็นหนุ่มอยู่ เขามีชื่อเสียง มีเงินทองและดำเนินชีวิตเสเพล ภาพบางภาพที่เขาวาดในสมัยนั้นได้แสดงออกถึงการดำเนินจริงของเขา ที่แสดงออกถึงการดำเนินชีวิตแบบสนุกสนาน (เสเพล) ตามเนื้อหนัง

เราสามารถที่จะเปรียบเทียบได้ว่าชีวิตของเขาก็เหมือนกับลูกคนเล็ก “ลูกคนเล็กได้รวบรวมทุกสิ่งที่มี แล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพล ผลาญเงินทองจนหมดสิ้น” (ลก. 15,13) เวลาผ่านไป เขาเองได้ “เริ่มขัดสน” (15,14) เขาประสบกับความโชคร้าย ปัญหาในครอบครัว ความทุกข์ยากลำบาก การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ความโดดเดี่ยว ปัญหาเศรษฐกิจ หนี้สิน และการถูกทอดทิ้ง  เวลาที่เขาใกล้จะตาย เขาไม่มีสิ้นใด เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ว่าเขาได้พบกับพระเจ้าที่รักเขาเสมือนบิดา

รายละเอียดของภาพ:  ภาพของลูกคนเล็ก 

ภาพดังกล่าวนี้ได้ตั้งชื่อจากภาพของลูกคนเล็ก นักวิจารณ์ได้ให้ชื่อภาพนี้ว่า  การกลับมาของลูกที่หายไป  จิตรกรต้องการแสดงออกถึงการผ่านจากชีวิตเดิมสู่ชีวิตใหม่ ลูกคนเล็กได้คุกเข่าต่อหน้าบิดาและซบลงที่อกของบิดาด้วยความไว้วางใจ เขาอยากจะถ่ายทอดถึงความปรารถนาที่จะกลับใจของตน ให้ลงไปในจิตใจของบิดา ลูกได้พบว่าความสงบสุข การต้อนรับ การให้อภัย และความรักในบิดา

ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาดูเหมือนคนยากจน ทาสและคนขอทาน : เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง สกปรก   รองเท้าขาดๆ เข็มขัดไม่ถูกมัดอย่างดี กระเป๋าเงินที่ว่างเปล่า ในภาพจะเห็นเท้าเพียงแค่ศีรษะและข้างเดียว ศีรษะที่ถูกโกน เสมือนคนที่ได้สูญความอิสระ เท้าข้างซ้ายที่ไม่มีรองเท้าและมีบาดแผล มีแต่ดาบใบเล็ก ๆ ที่ขัดกับเข็มขัดที่ไม่มีใครเอาจากเขาไปได้ ดาบใบนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขุนนางในสมัยก่อน

การคุกเข่าแสดงออกว่า เขายอมอยู่ภายใต้อำนาจของบิดาในฐานะบุตร ซึ่งแสดงออกถึงความไว้วางใจทั้งหมด และการยอมรับว่าเขาได้ทำผิด อีกทั้งไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุตร

เขาเป็นลูกชายที่ได้มีทุกอย่าง ต่อมาได้สูญเสียทุกสิ่ง บัดนี้ได้มีทุกอย่างอีกครั้งหนึ่ง เขาได้ปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตอย่างอิสระและแสดงออกถึงสิทธิของเขา เขาตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตตามลำพัง ห่างไกลจากบิดา จากครอบครัว และความชุมชน

เขาได้ไว้วางใจในอำนาจของเงินทอง ที่อนิจจังและมิตรภาพปลอมๆ ในภาพเราได้เห็นบุคคลที่ถูก ดูหมิ่น ที่หิวกระหาย อ่อนแอ พ่ายแพ้ และโดดเดี่ยว

เขาได้สูญเสียสิ่งที่มีคุณค่า นั่นคือ สุขภาพ ชื่อเสียง เกียรติ ความเชื่อมั่นในตัวเอง ความกระตือรือร้น มิตรภาพ สันติในจิตใจ ศักดิ์ศรีแห่งการเป็นบุตร แต่ไม่สูญเสียสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดนั่นคือ บิดา

ภาพของบิดา

ภาพของบิดาเป็นเหมือนผู้สูงอายุที่มีตาคล้ายจะปิด มีหนวดและเคราที่ยาว มีเสื้อคลุมยาวที่ปักด้วยทองและมีฉลองสีแดงเข้ม บิดากับลูกได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ ลูกชายได้ซบลงที่ตักของบิดาและบิดาได้ผยุงลูกขึ้นกอด แสงสว่างที่ส่องไปยังลูกชาย ออกจากใบหน้าของบิดา

แสงนี้จะส่องสว่างอย่างแจ่มแจ้งบนมือของบิดา เป็นมือที่เผาผลาญความชั่วร้ายทุกอย่างและถ่ายทอดชีวิตใหม่  เป็นมือที่สัมผัสและรักษาให้ความหวัง ความไว้วางใจและความบรรเทา

มือด้านซ้ายเป็นมือที่แข็งแรง มีกล้ามเนื้อ นิ้วมือที่เปิดออกและปกปิดบ่าด้านขวาของลูกชาย เป็นมือที่จับแน่และพยุงขึ้น ดูเหมือนว่าเป็นมือของผู้ชายอย่างแท้จริง

มือด้านขวามีลักษณะที่ตรงกันข้าม คือ เป็นมือที่อ่อนโยน และบ่อบบาง มีนิ้วที่ติดกันและแสดงออกถึงมือที่สง่างาม มือนี้ได้ถูกวางที่บ่าของลูกชายอย่างนิ่มนวล ไม่กดแน่น ยิ่งกว่านั้นเป็นมือที่ลูบไล้ด้วยความรัก ปกป้อง ให้ความบรรเทา ที่เป็นเสมือนกับมือของมารดา มือทั้งสองข้างมีความแตกต่างกัน แต่ทั้งสองได้แสดงออกถึงความรักประการเดียวของบิดาและมารดา

ทุกอย่างในภาพของบิดาแสดงออกถึงความรัก คือ ใบหน้าที่ครุนคิด เสื้อผ้าที่ปกป้อง ร่างกายที่ต้อนรับ มือที่โอบกอดและอวยพร ร่างกายของบิดาที่เหมือนครรภ์มารดาที่ต้อนรับ และมือที่โอบกอดด้วยความอบอุ่นแก่ลูกที่ได้พบอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นเป็นภาพที่เหมือนกับปีกของนกอินทรีย์ หรือแม่ไก่

บิดาที่ชราแล้วได้ก้มลงไปยังลูก ทำสิ่งเดียวกันกับลูก  บิดาและลูกอยู่บนที่สูง ที่แสดงว่าเป็นเครื่องหมายของศักดิ์ศรีและเงื่อนไขของการเป็นบุตรที่หายไปและที่บุตรได้พบอีกครั้ง