Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา ปี A

"อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้"

พระวรสารของสัปดาห์นี้ดูเหมือนได้นำเรื่องที่พระเยซูเจ้าเคยตรัสสอนไว้หลายๆ เรื่องมารวมกัน มันเป็นเรื่องของการอย่าไปกลัว เป็นเรื่องที่วันนี้ถูกปิดบังไว้ แต่ก็จะเผยโฉมออกมาวันพรุ่ง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนเร้นจะถูกเปิดเผยออกมา เป็นเรื่องของความมืดในความสว่าง เป็นเรื่องของเสียงกระซิบที่หู จะถูกป่าวประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน เป็นเรื่องการฆ่า การทรมานและการถูกจับคุมขัง แต่ก็ไม่สามารถฆ่าวิญญาณได้ เรื่องเหล่านี้อย่าไปกลัว อย่ากลัวคนที่ฆ่าได้แต่กาย แต่จงกลัวผู้ที่ฆ่าได้ทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก

บทอ่านแรกจากหนังสือประกาศกเยเรมีห์ เมื่อเราศึกษาดูจะพบว่าชีวิตของท่านต้องเจอกับศัตรูรอบด้าน แต่ท่านก็ยังคงซื่อสัตย์ในหน้าที่ประกาศก โดยมีความไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงอยู่เคียงข้างท่านเหมือนนักรบที่ทรงพลัง อันที่จริงประกาศกเป็นเสมือนมโนธรรมของชาติ ที่จะคอยบอกความจริงทั้งในเวลาที่เหมาะและไม่เหมาะ ไม่ว่าประชาชนจะชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ผู้คนมักไม่ชอบฟังคำของประกาศก ทำเป็นหูทวนลมบ้าง ถ้าแย่กว่านั้น พวกเขาก็ขู่ทำร้ายประกาศกเลย และสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับประกาศกเยเรมีห์ ไม่มีประกาศกคนใดต้องทนทุกข์เท่าที่ท่านต้องทนมา ทั้งๆที่ธรรมชาติของท่านเป็นคนอ่อนไหวมาก ประกาศกเยเรมีห์มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณหลังปี 650 – ประมาณ 570 ก่อนคริสตศักราช ท่านอยู่ในช่วงที่ยากลำบากมาก อยู่ทั้งก่อนและหลังกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ได้เห็นความล่มสลายของอาณาจักรยูดาห์ที่พ่ายแพ้ในการสู้รบกับมหาอำนาจต่างๆในเวลานั้น ท่านต้องรับบทหนัก ทั้งเทศน์สอน ทั้งปรามประชาชน ท่านพยากรณ์ถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ท่านทูลเตือนกษัตริย์ที่ไร้ความสามารถแห่งราชวงศ์ดาวิดองค์แล้วองค์เล่า แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ท่านถูกพวกกระหายสงครามกล่าวหาว่าเป็นผู้ยอมแพ้ ท่านถูกเบียดเบียน และถูกจองจำ ลองฟังคำคร่ำครวญของท่านในบทที่ 20 สิครับ “ข้าแต่พระยาเวห์ พระองค์ทรงล่อลวงข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ยอมให้ถูกล่อลวง พระองค์ทรงมีพลังเหนือข้าพเจ้าและทรงมีชัยชนะ ข้าพเจ้าเป็นที่น่าหัวเราะวันยังค่ำ ทุกคนเยาะเย้ยข้าพเจ้า…” แต่ในบทอ่านของวันนี้ ประกาศกเยเรมีห์ก็ยอมรับว่า พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างท่านเหมือนนักรบที่ทรงพลัง ดังนั้นผู้ที่ข่มเหงท่านก็จะสะดุดล้ม จะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสนให้พ้นเงื้อมมือของผู้ทำความชั่วร้าย

เชื่อว่า ในพวกเราไม่มีใครต้องทนทุกข์ยากลำเค็ญเท่าประกาศกเยเรมีห์ (และพระคริสตเจ้าผู้ทรงทนทุกข์มากกว่าประกาศกเยเรมีห์เสียอีก) ดังนั้น เราจงไว้วางใจในพระเจ้า เราจง “อย่ากลัว” ดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้

“อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้”

“อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก”

“ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์”

ผู้คนมากมายที่เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าได้ยึดมั่นในคำสอนของพระองค์โดยยอมสละชีพเพื่อเห็นแก่พระอาณาจักรของพระเจ้า บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ไม่กลัว “ผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้” เช่น นักบุญยอห์น บัปติสต์ ผู้ทำพิธีล้าง ที่เราทำการสมโภชการบังเกิดของท่านในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ คือท่านยอมตายโดยการถูกตัดศีรษะ ที่เราระลึกถึงท่านในวันที่ 29 สิงหาคม หรืออีกตัวอย่างหนึ่งของนักบุญที่เราระลึกถึงการเป็นมรณสักขีของท่านในวันที่ 22 มิถุนายน คือ นักบุญโทมัส โมร์

นักบุญโทมัส โมร์ (ค.ศ. 1477 – 1535) เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดี ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี เป็นคนฉลาด เป็นนักวิชาการ และเป็นคริสตชนที่มีความศรัทธามาก ท่านเจริญรุ่งเรืองในตำแหน่งหน้าที่อันเป็นเกียรติในทางบ้านเมือง จุดสูงสุดคือในปี ค.ศ. 1529 เมื่อท่านมีอายุได้ 52 ปี ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรียุติธรรมของประเทศอังกฤษ มีหน้าที่เป็นอธิบดีศาลสูงสุด และเป็นประธานสภาขุนนางด้วย ขณะที่ทุกอย่างในชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดี ก็เกิดวิกฤติขึ้นในชีวิตการทำงาน เนื่องจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ไม่มีรัชทายาทสืบราชสมบัติจากพระราชินีคัทริน แห่ง อารากอน พระองค์ทรงร้องขอไปทางวาติกันให้พระสันตะปาปาประกาศการแต่งงานเป็นโมฆะ เพื่อจะทรงแต่งงานใหม่กับพระนางแอน โบลีน แต่ถูกทางวาติกันปฏิเสธ พระเจ้าเฮนรี่ทรงโกรธมาก ทรงประกาศตัดขาดจากการอยู่ใต้อำนาจของพระสันตะปาปา ทรงออกกฎหมายให้พระองค์เองเป็นหัวหน้าศาสนจักรอังกฤษ (Head of the Church of England) และทรงบังคับให้ข้าราชสำนักทุกคนถือตามกฎที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นใหม่ นักบุญโทมัส โมร์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะให้คำสาบานใหม่ตามที่กษัตริย์ทรงเรียกร้อง ท่านถูกจับขังคุกในปี ค.ศ. 1534 ในการถูกไต่สวนในศาล ท่านปฏิเสธทุกข้อหาที่กล่าวหาท่าน หลังจากถูกจำคุก 15 เดือน ก็ถูกนำตัวขึ้นไปบนเครื่องตัดศีรษะ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1535 คำพูดเตือนใจของท่านเองตอนถูกจับขังคุกก็คือ “จะดีสักเพียงไหนที่จะยอมทนทุกข์ ยอมสูญเสียทรัพย์ ยอมติดคุก เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า”

นักบุญโทมัส โมร์ จัดเป็นหนึ่งในบรรดานักบุญมรณสักขีที่ขานรับคำสอนของพระเยซูเจ้าในพระวรสารของวันนี้ที่ว่า “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก” ถ้าเราทุกคนเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า เราจะต้องไม่กลัวในการยืนหยัดอยู่บนความจริง ความดีที่ครบบริบูรณ์ และดำเนินชีวิตตามความชอบธรรม เพราะถ้าพระเจ้าจะทรงอยู่ข้างฝ่ายเรา ใครจะมาทำอันตรายใดๆได้

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เรียบเรียงใหม่ ลงวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2020
Based on : (1) Speak, Lord – Year A ; by Fr Herman Mueller, SVD ;
(2) Saint Companions for Each Day ; by A.J.M. Mausolfe, J.K. Mausolfe)