Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ปี A

ขอให้ศีลมหาสนิท นำทางเราจากการไม่รู้จักความจริงมาสู่ความจริง
.
ขอให้ศีลมหาสนิท นำเราจากความมืดไปสู่ความสว่าง
.
ขอให้ศีลมหาสนิท นำเราจากความตายไปสู่ความเป็นอมตะ
.
วันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เริ่มต้นในปี ค.ศ.1264 นี่เอง โดยสมเด็จพระสันตะปาปาอูร์บันที่ 4 ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงมอบหมายให้นักบุญโธมัส อากวีนัส เป็นผู้เขียนหรือแต่งบทพิธีกรรมสำหรับใช้ในวันสมโภช
.
นักบุญโธมัส จึงผูกพันกับวันฉลองนี้มากทีเดียว บทสดุดี/บทสรรเสริญศีลมหาสนิทต่างๆ ยกให้เป็นฝีมือของท่าน เช่น บท “ตานตุม แอร์โก ซาคราแมนตุม” ที่ยังร้องกันมาอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นบทกวีที่ท่านประพันธ์ไว้
.
ยิ่งกว่านั้น ท่านมีความศรัทธาภักดีต่อศีลมหาสนิทมากทีเดียว คืนหนึ่งขณะที่ท่านกำลังภาวนาในวัดน้อยของคณะโดมินิกันที่เมืองเนเปิลส์ คนที่จัดวัดได้มองดูท่านในขณะภาวนาโดยที่ท่านไม่รู้ตัว เขาเห็นตัวท่านลอยขึ้นไปในอากาศ และได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าตรัสกับท่านทางไม้กางเขน “โธมัส เธอได้เขียนเกี่ยวกับฉันดีเหลือเกิน เธออยากได้รางวัลอะไร” โธมัสตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากพระองค์”
.
คำขอของท่านได้รับการตอบสนอง วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.1273 ในขณะท่านกำลังทำมิสซา ท่านได้เข้าฌานอย่างล้ำลึก หลังมิสซา โธมัสได้พูดกับเลขานุการที่ทำงานมากับท่านยาวนานว่า “พระเจ้าทรงเผยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ฉัน จนว่าอะไรที่ฉันเคยเขียนๆ ไว้เป็นแต่เพียงแค่ฟางบางเบาเท่านั้นเอง” ต่อจากนั้นท่านก็ไม่ได้เขียนหนังสืออะไรอีกเลย สองเดือนหลังจากนั้น ท่านได้สิ้นใจเมื่ออายุ 49 ปี
.
นี่เป็นเรื่องของนักบุญองค์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดฉลองศีลมหาสนิท ที่จริงเราทุกๆ คนก็เกี่ยวข้องกับศีลมหาสนิท ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
.
ประชาชนในสมัยพันธสัญญาเก่าทราบดีว่า พระเจ้าทรงรักและทรงเอาใจใส่ประชากร ในขณะที่เขาเดินทางในถิ่นทุรกันดาร ยามที่เขาพบกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ก็จะพากันร้องหาพระเจ้า ยามที่เขาไม่มีอาหารจะกินและไม่มีน้ำจะดื่ม ก็จะมาร้องขอจากพระเจ้าผ่านทางโมเสส พระเจ้าทรงประทาน “มานนา” ซึ่งเป็นอาหารที่ตกมาจากฟ้า ซึ่งพวกเขาไม่รู้จักมาก่อน ให้เป็นอาหารสำหรับพวกเขา และทรงทำให้น้ำออกมาจากหินเพื่อดับกระหายพวกเขา
.
ในยุคสมัยพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่าพระองค์ทรงเป็น “ปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์” ปังนี้ประเสริฐกว่ามานนาในอดีตในแบบที่เปรียบกันไม่ได้ เพราะมานนานั้นกินไปแล้ว พวกบรรพบุรุษของอิสราเอลก็ยังตาย แต่ “ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
.
พี่น้องครับ ที่บอกว่าเราแต่ละคนสนิทสัมพันธ์กับศีลมหาสนิทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะว่าชีวิตคริสตชนไม่อาจดำเนินไปได้โดยปราศจากศีลมหาสนิท
.
ศีลมหาสนิท ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ยิ่งเรารับพระองค์บ่อยๆ ในขณะที่เราอยู่ในสถานะพระหรรษทาน เราก็ยิ่งเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์มากยิ่งขึ้น
.
ศีลมหาสนิทจะก่อให้เกิดผลแห่งความยินดีในตัวของเรา เปรียบได้กับคนที่กินอาหารดีๆ อย่างพอเหมาะพอควร ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงดีและมีความสุข เช่นเดียวกันกับผู้ที่หล่อเลี้ยงจิตใจด้วยการรับศีลมหาสนิทเสมอๆ
.
ศีลมหาสนิทยังช่วยลบล้างบาปเบาต่างๆ ในตัวเรา เหมือนอาหารที่ให้พลังและมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาโจมตีร่างกายของเรา ทำให้เรามีเกราะป้องกันไว้ได้
.
และที่สุด ศีลมหาสนิทเป็นเหมือนยาถอนพิษแห่งความตาย คือเป็นยาที่ทำให้เราเข้าสู่ชีวิตแห่งความเป็นอมตะ
.
พระเยซูเจ้าตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้ว่า “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” มีตัวอย่างที่น่าประทับใจเป็นเรื่องของพระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร (Archbishop Oscar Romero) เมื่อตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราช ท่านยังคงเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ที่ไม่ทราบเรื่องการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลเอล ซาลวาดอร์ ต่อพวกชาวนายากจนที่ลุกฮือขึ้น รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการเข่นฆ่าผู้ประท้วง ในเหตุการณ์ครั้งนี้คาดว่ามีคนยากจนถูกฆ่าตายราว 10,000-40,000 คน ต่อเมื่อเพื่อนชาวคณะเยสุอิตของท่านที่ชื่อว่า Rutilio Grande ที่ได้ชื่อว่า “ประกาศกของคนยากจน” ได้ถูกฆ่าตาย ทำให้ท่านต้องลุกขึ้นมาอย่างกล้าหาญเพื่อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง และท่านก็ตำหนิบรรดาผู้นำชาติ ซึ่งจำนวนมากก็เป็นคริสตชน หลังจากความเคลื่อนไหวนี้ ท่านได้ถูกขู่ฆ่า หนึ่งวันก่อนที่ท่านจะถูกสังหาร ท่านได้พูดว่า “ถ้าพวกเขาฆ่าฉัน ฉันจะฟื้นชีวิตขึ้นมาอยู่กับประชาชนชาวเอล ซาลวาดอร์ทั้งหลาย” วันที่ 24 มีนาคม ค.ศ.1980 พระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร ได้เทศน์ว่า “ศีลมหาสนิทนี้ คือกิจแห่งความเชื่อ…ขอให้พระกายและพระโลหิตที่ได้ถวายเป็นยัญบูชาเพื่อมนุษย์ทั้งมวลนี้ได้หล่อเลี้ยงพวกเราด้วย เพื่อว่าเราจะได้มอบทั้งกายและเลือดของเรา ตามแบบอย่างของพระคริสต์ เพื่อประชาชนของเรา” ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ท่านกำลังยกถ้วยกาลิกษ์ชูขึ้น ท่านก็ถูกยิงตายกลางพิธีบูชามิสซานั่นเอง (เรื่องเล่าจากหนังสือ “Sunday Seeds for daily Deeds” โดย Francis Gonsalves, S.J.) นี่คือชีวิตของพระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร ที่ยอมตายเพื่อประชาชนที่ยากจนเหล่านั้น ยอมพลีชีวิตเหมือนพระคริสตเจ้า เพื่อจะมีชีวิตนิรันดร และอยู่ในใจของประชาชนตลอดไป
.
ให้เราขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสูงที่สุด ที่ทรงมอบของขวัญที่พิเศษสุดให้กับมวลมนุษยชาติ โดยทรงมอบพระองค์เองเป็นอาหารที่บันดาลชีวิตนิรันดรให้แก่ผู้ที่รับพระองค์บ่อยๆ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ.2011
เรียบเรียงเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2020)