
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา ปี A
ผู้เลี้ยงแกะที่ดี
ครั้งหนึ่ง สัตบุรุษคนหนึ่งที่ร่ำรวยเชิญพระสงฆ์เจ้าวัดกับคนจัดวัดไปกินอาหารมื้อเย็นที่บ้านของเขาพร้อมกับเพื่อนๆคนอื่นๆของเขาด้วย
ก่อนถึงเวลาอาหาร พวกเขาพูดคุยสังสรรค์กัน แขกหลายคนคุยฟุ้งถึงความเก่งกาจและพรสวรรค์ของตัวเอง พวกเขาเล่นเครื่องดนตรีและร้องเพลงโซโล่
ต่อมา บรรดาแขกพูดกับพ่อเจ้าวัดว่า “คุณพ่อ คุณพ่อต้องร้องเพลงให้เราฟัง” คุณพ่อเป็นนักร้องนักดนตรีเสียงดีคนหนึ่ง ก็ร้องเพลงที่ชื่อว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าคือนายชุมพาของฉัน” เมื่อท่านร้องจบก็มีเสียงปรบมือดังและยาวนาน
ที่สุด มาถึงเวรคนจัดวัดที่น่าสงสาร เมื่อถูกคะยั้นคะยอ เขาแย้งว่า “ผมไม่ได้ร่ำเรียนมา ถ้าจะให้ผมแสดงจริงๆ ก็ทำได้เพียงท่องบทสดุดีบทเดียวกันกับที่คุณพ่อร้อง และสอนผมมา” ว่าแล้วเขาก็หลับตา ก้มหน้าลง เริ่มท่องบทสดุดี “องค์พระผู้เป็นเจ้าคือนายชุมพาของฉัน” น้ำเสียงและคำที่เปล่งออกไปก่อให้เกิดความลึกซึ้ง และมีอารมณ์ร่วมไปด้วย จนแขกทั้งหมดเงียบสงบตั้งใจฟังด้วยเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พอเขาท่องจบ คุณพ่อเจ้าวัดกระซิบบอกเขาว่า “พ่อรู้บทเพลงนี้ดี แต่เธอรู้จักนายชุมพาบาลดีมาก”
ชาวอิสราเอลเป็นประชากรที่ต้องมีการอภิบาลดูแล ดังนั้นภาพพจน์ของนายชุมพากับเหล่าแกะจะถูกกล่าวขวัญอยู่เรื่อยๆในธรรมประเพณีที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรมนี้ ที่เราพบในพระคัมภีร์ เช่น การถวายแกะเป็นบูชา เป็นเครื่องหมายถึงอิสรภาพจากการเป็นทาสในอียิปต์ โมเสสเป็นคนเลี้ยงฝูงแพะแกะที่พระเจ้าทรงเลือกมาเป็นผู้นำเพื่อปลดปล่อยประชากร กษัตริย์ดาวิดเป็นชุมพาบาลเช่นกันที่เลี้ยงดูฝูงแกะและเคยเสี่ยงชีวิตฆ่าสิงโตที่จะมาทำร้ายแกะ
ประกาศกเยเรมีห์ใช้ภาพของ “กษัตริย์-ผู้เลี้ยงแกะ” (ซึ่งเป็นภาพที่พบบ่อยมากในวรรณกรรมทางตะวันออกกลาง) ใช้ภาพนี้กับกษัตริย์แห่งอิสราเอลเพื่อกล่าวตำหนิการปฏิบัติหน้าที่อย่างบกพร่องในการปกครอง และเพื่อประกาศว่า พระเจ้าจะประทาน “ผู้เลี้ยง” ใหม่แก่ประชากรของพระองค์ซึ่งจะดูแลเขาอย่างซื่อสัตย์ ( =พระเมสสิยาห์ )
ประกาศกเอเสเคียลจะนำความคิดนี้ของเยเรมีห์มาพัฒนาโดยเขียนไว้ 1 บทเลย บทที่ 34 เรื่อง “ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล” : ประกาศกตำหนิคนเลี้ยงแกะ ซึ่งที่นี่หมายถึงกษัตริย์ และผู้นำประชากร เพราะความชั่ว พระเจ้าจะทรงเอาฝูงแกะที่เขาเลี้ยงดูไม่ดีไปจากเขา และจะทรงเป็น “ผู้เลี้ยง” ประชากรเอง เมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะทรงประทาน “ผู้เลี้ยงที่ทรงเลือกสรร” แก่ประชากรของพระองค์ ซึ่งเป็น “เจ้านาย” เป็น “กษัตริย์ดาวิด” อีกองค์หนึ่ง ถ้อยคำที่ใช้บรรยายถึงเจ้านายองค์นี้ และพระนาม “ดาวิด” ซึ่งใช้เรียกพระองค์ ชวนให้เราคิดถึงยุคของพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าเองจะทรงปกครองประชากร อาศัยพระเมสสิยาห์ด้วยความยุติธรรมและสันติ
ในข้อเขียนของประกาศกเอเสเคียลบทนี้ เราสังเกตเห็นโครงเรื่องของคำอุปมาเรื่อง “แกะที่หาย” ได้แล้ว (มธ 18:12-14 ; ลก 15:4-7) แต่โดยเฉพาะยังเห็นอุปมานิทัศน์เรื่อง “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” (ยน 10:11-18) ซึ่งถ้าพิจารณาบริบทดั้งเดิมที่นี่ ก็จะเห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงอ้างว่าทรงเป็นพระเมสสิยาห์นั่นเอง
ที่จริงถ้าเราดูที่มาที่ไปก่อนที่พระเยซูเจ้าจะตรัสเรื่องนายชุมพาบาลที่ดี ก็ต้องย้อนไปบทก่อนหน้านี้ ที่พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หาย ประชาชนและผู้นำทางศาสนาตั้งคำถามว่า
“พระเยซูเจ้ามาจากพระเจ้าหรือไม่
พระองค์เป็นประกาศกคนหนึ่งหรือเปล่า
พระองค์เป็นพระเมสสิยาห์จริงหรือ
หรือจะเป็น “บุตรแห่งมนุษย์” ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ให้ตัดสินโลก
และภาพพจน์ที่พระเยซูเจ้าทรงเลือกใช้ว่า “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” นี้ก็เพื่อต้องการบอกว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของอิสราเอล
คราวนี้ย้อนกลับมาดูในเนื้อหาของพระวรสารวันนี้ ในสมัยของพระเยซูเจ้ามีคอกแกะสองชนิด (1) คอกแกะรวม (ยน 10:1-5) เป็นคอกแกะรวมของแต่ละหมู่บ้าน ถ้าเผอิญนายชุมพาบาลคนใดอยู่ใกล้ๆหมู่บ้าน ในตอนค่ำก็จะต้อนแกะเข้าไปอยู่ในนั้น พอตอนเช้า คนเฝ้าประตูเปิดประตูให้เขาเข้าไป บรรดาแกะจะฟังเสียงเขา เขาเรียกชื่อแกะของตนทีละตัว และพาออกไปข้างนอก เขาจะเดินนำหน้า แกะก็จะตามไป เพราะจำเสียงของเขาได้ (2) คอกแกะตามธรรมชาติ (ยน 10:6-10) คือถ้าเผอิญนายชุมพาบาลอยู่ไกลจากหมู่บ้าน ก็ต้องหาคอกแกะที่อยู่กลางทุ่งนั้น บางทีอาจจะเป็นถ้ำก็ได้ ปกติ จะทำทางเข้าออกแคบๆให้แกะผ่านเข้าและออก โดยผู้เลี้ยงแกะจะนอนขวางประตูคอกแกะนั้น เพื่อคอยป้องกันแกะ
แต่บทสรุปอยู่ที่ข้อ 11 ซึ่งไม่ได้นำมาอ่านในพระวรสารวันนี้ ความว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตนเอง” (ยน 10:11)
สอดคล้องกับเรื่องนี้ ในบทอ่านที่สอง นักบุญเปโตร ในฐานะที่เป็นนายชุมพาคนแรกที่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งให้ดูแลพระศาสนจักร ท่านเขียนว่า “ท่านเคยเป็นเหมือนแกะที่พลัดหลงจากฝูง แต่บัดนี้กลับมาหาผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณของท่านแล้ว”
ก่อนจบ ขอให้นำข้อคิดจากประกาศกเอเสเคียลที่เขียนไว้ในหัวข้อ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล” บทที่ 34 ความบางตอน คือ
“ดูเถิด เราจะนำแกะของเรากลับมา
เราจะรวบรวมแกะที่กระจัดกระจายไปของเรากลับมา
และจะนำกลับมาเลี้ยงดูในแผ่นดินของอิสราเอล
เราจะเลี้ยงดูเขาในทุ่งหญ้าดีๆ
เขาจะเล็มหญ้าอยู่ตามทุ่งหญ้าอุดมบนภูเขาของอิสราเอล
เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา
เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป
เราจะนำแกะที่หลงทางกลับมา
เราจะพันแผลแกะที่บาดเจ็บ
เราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย
เราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรง
เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม”
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้เผยแสดงแก่เราว่าทรงรู้จักเราเป็นอย่างดี…
ว่าแต่เราจำเสียงของพระองค์ได้หรือไม่