Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ ปี A

“เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ ขณะที่ยังมืดอยู่ มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา” นักบุญยอห์นผู้เขียนพระวรสารตอนนี้ ต้องการเน้นให้เห็นว่านี่เป็นวันใหม่ สัปดาห์ใหม่ สิ่งสร้างใหม่ โดยถ้าเราย้อนไประลึกถึงการสร้างในหนังสือปฐมกาลแล้ว จะพบว่าพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งจากความว่างเปล่า โดยพระวจนะของพระองค์ โดยลมหายใจ( = พระจิต)ของพระองค์ ทรงสร้างแสงสว่างในวันแรก ทรงสร้างสิ่งต่างๆ และทรงสร้างมนุษย์ในวันที่หก วันที่เจ็ดพระเจ้าทรงเสร็จงานทั้งสิ้นของพระองค์ พระเจ้าทรงพักจากงานทั้งสิ้นของพระองค์
.
เหตุการณ์ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ คนกลุ่มเล็กๆ ร้องไห้ที่เชิงกางเขน ชายสองคนรับมาจัดการพระศพก่อนใกล้ค่ำ แล้วนั้นก็เป็นวันสับบาโต วันที่เจ็ด พระเยซูเจ้าทรงพักผ่อนอยู่ในคูหาที่หนาวเย็น
.
บัดนี้ แม้ยังมืดอยู่ แต่เป็นวันแรกของสัปดาห์ เป็นวันใหม่ สัปดาห์ใหม่ สิ่งสร้างใหม่ ตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาของมารีย์ชาวมักดาลาที่พระคูหามองเข้าไปในนั้น เธอไม่เห็นพระศพของพระองค์แล้ว เขานำพระองค์ไปแล้ว และไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไหน
.
ต่อไปนี้ เป็นฉากวิ่งที่ปรากฏมากที่สุดในพระวรสาร มารีย์วิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์ที่ทรงรักเพื่อแจ้งข่าวพระศพที่หายไป ศิษย์ทั้งสองวิ่งไปที่พระคูหา เมื่อทั้งสองไปถึงแล้วจึงเข้าไปในพระคูหา เห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรพับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง นอกนั้นคูหาว่างเปล่า ใครก็ตามที่คิดจะมานำพระศพไปคงจะพบกับความยุ่งยากอย่างมากในการถอดผ้าที่พันพระศพ เพราะเป็นงานที่ยากมากพอควร แล้วใครในโลกที่จะทำอย่างนั้น ทั้งสองมองดูร่องรอยแล้วดูเหมือนไม่มีใครจับพระศพยกขึ้นมาถอดผ้าพระศพออก แต่เหมือนพระกายนั้นหายไปเฉยๆ คงเหลือไว้แต่ผ้าที่พันพระกาย เหมือนกับซากลูกโป่งที่เอาอากาศออกไป (นักโบราณคดีได้พบคูหาแบบเดียวกันนี้ ฝังศพไว้ราวศตวรรษแรกๆ ประมาณปี ค.ศ.66-70 คูหานี้อยู่เยื้องไปทางทิศใต้ของคูหาที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังของพระเยซูเจ้า มีผ้าพันศพอยู่ในแบบที่บรรยายมานี้และมีกองกระดูกอยู่ข้างในผ้าที่ยังห่อหุ้มอยู่)
.
และมาถึงเวลาที่สำคัญสำหรับสานุศิษย์ หนุ่มคนนั้น คนที่พระเยซูเจ้าทรงรัก เกิดความคิดที่พวยพุ่งขึ้นมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แรกทีเดียวคิดว่ามีบางคนมานำพระศพไป โดยถอดผ้าพันออกก่อน ทันใดนั้นก็คิดว่ามันดูโง่เขลาและไม่สมเหตุสมผล มีบางสิ่งใหม่แทรกเข้ามาในความคิด เป็นอำนาจการสร้างสรรค์ของพระเจ้าที่จุดประกายขึ้นมาในเวลานั้น มันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป คล้ายๆ กับการตกหลุมรัก คล้ายๆ แสงอาทิตย์ที่ขึ้นมา คล้ายๆ กับเสียงของฝนที่หยดลงบนพื้นดินที่แห้งแล้งมาเป็นเวลายาวนาน คล้ายๆ กับเป็นความเชื่อ ใช่แล้ว เขาเคยเชื่อมาก่อนว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระเมสสิยาห์ เคยเชื่อว่าพระเจ้าทรงส่งพระองค์มา เชื่อว่าพระองค์เป็นคนของพระเจ้า สำหรับประชากรของพระองค์และโลกของพระองค์ นี่แหละ “เขาได้เห็นและได้เชื่อ“ เชื่อว่าสิ่งสร้างใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เชื่อว่าโลกนี้ได้เปลี่ยนจากฤดูหนาวที่ยาวนานมาเป็นฤดูใบไม้ผลิในที่สุด เชื่อว่าพระเจ้าได้ตรัสคำว่า “ใช่” กับพระเยซูเจ้า ในทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเป็นและได้ทำมา เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงมีชีวิตอีกครั้ง
.
พวกเราเช่นกัน จงมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมเช่นเดียวกับนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารว่า
.
พระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพแล้ว อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2008
Based on : John for Everyone, Part Two ; by :Tom Wright)

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ ปี A

พระเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพอย่างแท้จริง อัลเลลูยา
.
เราเฉลิมฉลองวันกลับฟื้นคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในวันต้นสัปดาห์ แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ และแม้จะยังมืดอยู่ในขณะที่มารีย์ ชาวมักดาลา ออกไปที่พระคูหา แต่นักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสารต้องการเน้นว่า เป็นวันใหม่ สัปดาห์ใหม่ ของสิ่งสร้างใหม่ ในบทสร้อยก็เน้นว่า “นี่เป็นวันที่พระเจ้าทรงสถาปนาให้เป็นวันสำคัญ ให้เรายินดีปรีดิ์เปรมในวันนี้ อัลเลลูยา”
.
แรกทีเดียวในเช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์มารีย์ ชาวมักดาลา เป็นห่วงว่าจะทำอย่างไรกับหินก้อนใหญ่ที่ปิดปากพระคูหานั้น อันที่จริงแล้ว เรื่องราวที่เกิดกับพระเยซูเจ้าตั้งแต่ต้นจนจบลงที่คูหาฝังพระศพ เป็นฝีมือของมนุษย์(ผู้ชาย) หินที่กลิ้งมาปิดปากพระคูหาก็เป็นฝีมือของมนุษย์ แต่บัดนี้ สิ่งที่เธอประสบคือ หินถูกเคลื่อนไปจากพระคูหาแล้ว สิ่งที่เธอยังไม่รู้ก็คือ ใครเป็นผู้เคลื่อนหินนั้น
.
เมื่อมนุษย์จบบทบาทที่กระทำต่อพระเยซูเจ้าโดยตรึงพระองค์ให้สิ้นพระชนม์บนกางเขนแล้ว และพวกเขาก็ทำการฝังพระองค์ด้วย บัดนี้ พลังและฤทธานุภาพของพระเจ้าก็เข้ามามีบทบาทแทนที่ เป็นพลังแห่งการกลับคืนชีพของพระองค์ที่ได้เคลื่อนหินนั้นออกไป หินนั้นเป็นอุปสรรคที่ปิดกั้นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรามนุษย์ เรามนุษย์เองเป็นผู้สร้างอุปสรรคนี้ขึ้นมา แต่บัดนี้พระองค์ทรงขับเคลื่อนมันออกไป ทรงทำลายมันไป ทรงสถาปนาความสัมพันธ์ใหม่กับสิ่งสร้างนั่นเอง
.
แรกทีเดียว มารีย์ไม่เข้าใจเรื่องการกลับคืนชีพ เธอรีบวิ่งไปหาซีโมนกับศิษย์อีกคนหนึ่ง เล่าว่ามีคนนำพระองค์ไปแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าเอาไปไว้ไหน ทั้งสองรีบวิ่งมาดูที่พระคูหา พระศพหายไปแล้วจริงๆ เห็นแต่ผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนแต่ได้ตามเข้าไปทีหลังซีโมนได้เห็นและมีความเชื่อ น่าจะเป็นบางสิ่งใหม่ที่แทรกเข้ามาในความคิด เป็นอำนาจการสร้างสรรค์ของพระเจ้าที่จุดประกายขึ้นมาในเวลานั้น มันเป็นความเชื่อนั่นเอง ใช่แล้ว เขาเคยเชื่อมาก่อนว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ เคยเชื่อว่า พระเจ้าทรงส่งพระองค์มา ที่เขาได้เชื่อ ณ บัดนี้คือ เชื่อว่าสิ่งสร้างใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เชื่อว่าโลกนี้ได้เปลี่ยนจากฤดูหนาวที่ยาวนานมาเป็นฤดูใบไม้ผลิในที่สุด
.
บัดนี้สิ่งที่สวยงามที่สุดได้บังเกิดขึ้นแล้ว เป็นพลังแห่งการกลับคืนพระชนมชีพหรือพลังแห่งปัสกาที่ดลบันดาลให้สิ่งเหล่านี้เกิดมาแทนที่กัน
.
ความสิ้นหวัง…เริ่มเปิดทางให้กับ…ความหวัง
.
ความมืด…เริ่มเปิดทางให้กับ…ความสว่าง
.
ความเกลียดชัง…เริ่มเปิดทางให้กับ…ความรัก
.
ความโศกเศร้า…เริ่มเปิดทางให้กับ…ความชื่นชมยินดี
.
ให้ชาวเราทุกคนมีความเชื่อในพระเยซูเจ้าผู้ทรงฟื้นคืนพระชนมชีพ ให้เราเปิดใจให้พระองค์ทรงกระทำกับเราดุจเดียวกับที่ได้ทรงกระทำกับบรรดาอัครสาวก ให้เราต้อนรับข่าวดีที่ว่าพระเยซูเจ้าผู้กลับฟื้นคืนพระชนมชีพประทับท่ามกลางเรา และพร้อมจะทำอัศจรรย์เพื่อเรา อัลเลลูยา อัลเลลูยา

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2011)