

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี A
ครั้งหนึ่ง โจเซฟ ไฮเดิน (Joseph Haydn) นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ถูกถามว่า ทำไมดนตรีศาสนาที่เขาแต่งจึงเต็มไปด้วยความร่าเริง เขาตอบว่า “เมื่อผมคิดถึงพระเจ้า หัวใจของผมก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นบานจนกระทั่งตัวโน้ตมันเต้นรำ และกระโดดออกมาจากปลายปากกาของผม และเนื่องจากพระเจ้าทรงให้ผมมีหัวใจที่ร่าเริง ผมจึงรับใช้พระองค์ด้วยหัวใจที่ร่าเริงเช่นนี้”
พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้ “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง” ช่างเป็นคำชมที่น่าชื่นใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านยอห์นผู้ทำพิธีล้าง อาทิตย์ที่แล้วเราได้ฟังข่าวสารและคำสอนของท่านยอห์น บัดนี้ เราถูกชวนเชิญให้เพ่งความสนใจไปที่ตัวของท่านเองว่า ยอห์นผู้ทำพิธีล้างเป็นบุคคลเช่นไร อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของท่าน ทำไมท่านจึงได้รับคำชมที่ทรงคุณค่าและยิ่งใหญ่เช่นนี้
ยอห์นผู้ทำพิธีล้างเป็นคนที่รักความสงบเงียบ ทั้งความเงียบของถิ่นทุรกันดาร และความเงียบในจิตใจของท่าน จากความเงียบในถิ่นทุรกันดารทำให้ในส่วนลึกของจิตใจท่านเฝ้าถามตนเองในคำถามต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานของชีวิต เช่นว่า “ฉันเป็นใคร ฉันเกิดมาในโลกนี้ทำไม และฉันถูกเรียกให้ทำอะไร” และจากประสบการณ์ที่ท่านอยู่กับความสงบเงียบ ทำให้ท่านได้รับคำตอบต่างๆที่ชัดเจนทีละเล็กทีละน้อย ที่สุดท่านก็รู้แจ้งว่าท่านคือใคร และภารกิจแห่งชีวิตของท่านคืออะไร ข้อดีของท่านคือ ท่านเป็นอิสระจากทุกรูปแบบที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของท่าน ดังนั้นท่านไม่เคยวัดความสำเร็จในแบบที่มีอาหารกินมากมาย หรือมีเสื้อผ้าสวยงามราคาแพง หรือมีบ้านที่หรูหราอบอุ่นสบาย ท่านไม่ติดตามฝูงชนที่วิ่งเพื่อไขว่คว้าความร่ำรวย ความพึงพอใจ ชื่อเสียง และเกียรติยศ ท่านมีความเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่จะทำภารกิจของท่านได้อย่างเต็มที่ ความสุภาพถ่อมตนเป็นเครื่องหมายแห่งความยิ่งใหญ่ของท่าน ท่านยอมรับอย่างซื่อตรงว่าท่านไม่ใช่พระเมสสิยาห์ เป็นแต่เพียงเสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร ไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของพระองค์
ยอห์นผู้ทำพิธีล้างเป็นคนถือสันโดษ สุภาพ อิสระ และเป็นสุขใจ แม้ท่านอยู่ในคุก ก็ไม่มีสิ่งใดจะจำกัดอิสรภาพของท่านได้ มันเป็นอิสรภาพของจิตใจ ท่านไม่จำเป็นต้องป้องกันและปกป้องความเป็นตัวตนของท่านเอง ดังนั้น ท่านไม่ต้องเหลียวซ้ายระวังขวาก่อนที่จะทำหรือพูดสิ่งใด เช่น เรื่องการแก้ไขความถูกต้องของชนชั้นปกครองทางฝ่ายบ้านเมือง ดังนั้น เมื่อท่านทำตัวให้เล็กลงจนไม่เหลือความเป็นตัวตนเลย ท่านก็กลายเป็นคนที่มีอิสระมากกว่า และเข้มแข็งมากกว่า – เป็นอิสระดั่งสายลม สุภาพเหมือนแกะน้อย กล้าหาญเหมือนสิงโต แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก แหลมคมเหมือดาบสองคม
ไม่มีสิ่งใดทำให้ยอห์นสั่นไหวหรือหยุดท่านได้ เพราะท่านรู้ว่า ท่านได้หยั่งรากลึกในองค์พระผู้เป็นเจ้า นั่นเป็นความลับถึงที่มาของขุมพลังของท่าน และนั่นทำให้ท่านอยู่ไกลจากอำนาจใดๆของโลกนี้ที่จะทำร้ายท่านได้ โดยแท้จริงแล้ว ท่านเป็นผู้ที่คู่ควรอย่างยิ่งที่จะได้รับคำชมเชยจากพระเยซูเจ้า
ความยินดีคือการแสวงหาที่สำคัญของมนุษย์ และพระเจ้าก็คือความยินดีอันสูงสุดของมนุษย์ องค์พระผู้เป็นเจ้าเองก็ทรงปรารถนาให้อัครสาวกของพระองค์เป็นเช่นนั้น “เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์” (ยน 15:11) ท่านยอห์นได้พบความยินดีของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่ก่อนท่านจะเกิดมาด้วยซ้ำ คือตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ท่านได้โลดเต้นด้วยยินดีเมื่อท่านได้พบกับพระเยซูเจ้า ต่อมาภายหลังท่านได้สารภาพว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีเช่นนี้ และความยินดีของข้าพเจ้าก็สมบูรณ์” (ยน 3:29)
อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ พระศาสนจักรเชื้อเชิญให้เรามีความชื่นชมยินดี เพราะเราผ่านช่วงเวลาเตรียมตัวมาครึ่งทางแล้ว เราเดินทางมาถึงช่วงหลังของการเตรียมตัวแล้ว นั่นหมายความว่าพระคริสต์ใกล้จะเสด็จมาบังเกิดแล้ว เราต้องหยั่งรากลึกแห่งความยินดีของเราในองค์พระผู้เป็นเจ้า “ความยินดีคือเครื่องหมายที่ไม่ผิดพลาดของการปรากฏอยู่จริงขององค์พระผู้เป็นเจ้า” – Leon Bloy
(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ ลงวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.2019
Based on : New Horizon Homilies
By : Philip John, SSP ; Premdas, SSP)
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี A
“ความชื่นชมยินดีจะมาถึง”
เราอยู่ในช่วงกลางเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรเชื้อเชิญให้เรามีความชื่นชมยินดี เพราะยุคสมัยที่เป็นความฝันของบรรดาประกาศกกำลังจะมาถึงแล้ว ยุคที่ “นัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี”
แต่ในพระวรสารวันนี้เริ่มต้นด้วยความสงสัย เป็นความสงสัยของท่านยอห์นที่กำลังถูกจองจำอยู่ในคุก ท่านได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า จึงใช้ศิษย์ไปทูลถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้องมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก”
อาจเป็นไปได้ที่ท่านยอห์นมีความคิดเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ในแง่ที่ทรงพลานุภาพเป็นอย่างยิ่ง พระวรสารสัปดาห์ที่แล้วได้เล่าว่า ท่านสอนชาวอิสราเอลว่า “บัดนี้ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ” “ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า…เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและไฟ” ดังนั้น ท่านยอห์นอาจจะคิดว่าถ้าพระเยซูเจ้ามาในนามของพระเมสสิยาห์ พระองค์ก็จะทรงแสดงฤทธานุภาพของพระเจ้า และจะสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเบ็ดเสร็จทันที
แต่เท่าที่สดับรับฟังมา เหมือนมิใช่เป็นเช่นนี้ หรือว่าอาจจะต้องรอคอยผู้ใดอีก แต่คำตอบของพระเยซูเจ้าต่อศิษย์ของยอห์นชี้ให้เห็นความฝันของบรรดาประกาศกเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์เป็นจริงขึ้นมา พระองค์ไม่ทรงตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ให้พิจารณาการกระทำของพระองค์ต่อประชากรของพระเจ้า
บางทีความสงสัยของท่านยอห์น อาจจะเป็นความสงสัยของเราด้วย เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสทุกๆ ปี แต่หลังวันฉลองเราอาจมีคำถามว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่เรารอคอยจริงไหม หรือว่าเราต้องรอคอยใครคนใดอีก พระวรสารของพระองค์เพียงพอสำหรับเราไหม เราพบคำตอบที่แท้จริงในองค์พระเยซูเจ้าต่อความโหยหาของเราไหม
อย่าลืมหรืออย่าไปพิจารณาในแบบที่ว่า การเสด็จมาของพระคริสตเจ้าในวันคริสตสมภพจะเต็มไปด้วยแสงสีตระการตา และการประดับตกแต่งที่วิจิตรบรรจง หรือจากเสียงเสนาะโสตจากหมู่นักขับร้องชั้นยอด หรือจากของขวัญที่นับไม่ถ้วน
แต่จงยินดีที่ฤทธานุภาพแห่งการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าคือการเสด็จเข้ามาในชีวิตของมวลมนุษย์ และประทับอยู่ที่นั้นในฐานะที่เป็นขุมพลัง เป็นความเชื่อและเป็นการช่วยให้รอด
อัศจรรย์ที่แท้ของพระเมสสิยาห์ปรากฏชัดในทุกๆ วันภายในหัวใจของมวลมนุษย์
ขุมอำนาจที่แท้ของคริสต์มาสคือการแสดงออกจากภายใน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ข้างนอก
จงชื่นชมยินดีเถิด พระคริสต์ทรงอยู่ใกล้แล้ว
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2010)