Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี C

“คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป”

บทอ่านแรกจากหนังสือบุตรสิรามีข้อความที่น่าประทับใจหลายข้อความทีเดียว

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง”

“พระองค์ไม่ทรงลำเอียงทำให้ผู้ยากจนต้องได้รับความเสียหาย”

“พระองค์ไม่ทรงเมินเฉยต่อคำวอนขอของลูกกำพร้า และไม่ทรงเมินเฉยเมื่อหญิงม่ายระบายความทุกข์แด่พระองค์”

“คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับความบรรเทา”

คำในประโยคต่างๆ ล้วนแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ต่อคำวอนขอของผู้ที่สุภาพ ถ่อมตน ต่ำต้อย และขาดแคลน รวมทั้งต้องพึ่งความช่วยเหลือจากพระองค์อย่างแท้จริง

เห็นตัวอย่างได้ชัดจากเรื่องอุปมาของพระองค์โดยทรงยกตัวอย่างให้เป็นคนเก็บภาษี

คนเก็บภาษี คือ คนที่ใครๆ ตราหน้าว่าเป็นคนบาป เป็นคนคดโกง เป็นคนขายชาติ และไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย

แต่เขารู้ตัว และตระหนักว่าเขาเป็นคนบาป เป็นคนไม่ดีทุกอย่างทุกประการที่ใครๆ พากันว่านั่นแหละ เขาจึงเข้าไปที่พระวิหาร อยากจะขอให้พระทรงพระกรุณาต่อเขา เขายืนอยู่แต่ไกลๆ ทำตัวลีบเล็ก ไม่กล้าแหงนหน้าเชิดมองท้องฟ้า ไม่กล้าชำเลืองมองหน้าคนอื่นๆ ด้วย เพราะคนอื่นๆ ล้วนดีกว่า ตัวเขาได้แต่ข้อนอกสวดด้วยเสียงสุภาพเบาๆ ว่า

“ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด”

เขาได้รับการสรรเสริญจากพระเยซูเจ้า และทรงยกย่องให้เขาได้รับความชอบธรรมด้วย

แต่คำภาวนาและท่าทีองอาจผ่าเผย หยิ่งจองหองของฟาริสีนั้นตรงกันข้าม เขาถือว่าเขาเป็นคนดี เขานิยมชมชอบที่ทุกคนดูออกว่าเขาเป็นคนดี เขาเป็นนักแสดงการเป็นคนดีที่เก่งกาจหาตัวจับได้ยาก เขาคงคิดว่าแม้พระเจ้าก็จะทรงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เพราะเขาแสดงได้เนียนเหลือเกิน เขาเฝ้าชมตัวเองในการสวดภาวนาพลางกวาดตามองไปรอบๆ ไม่มีแม้สักคนในที่นั้นที่จะดีเท่าเขา อุตส่าห์เหลือบชำเลืองไปพบคนเก็บภาษีที่อยู่ไกลออกไป แถมก้มหน้าก้มตาจะซ่อนตัวจากคนอื่นๆ เพราะความอับอาย คนเก็บภาษีนี้แหละสามารถนำมาเปรียบกับความดีสูงส่งของเขาได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น “และไม่เหมือนกับคนเก็บภาษีคนนี้ด้วย พระเจ้าข้า”

เขามัวแต่โอ้อวดตัวเอง ซึ่งยังมีอีกมากมายไม่จบสิ้น เขามัวแต่มองดูผู้อื่นและเห็นแต่ข้อด้อยที่นำมาเปรียบเทียบทำให้ตัวเขาสูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนในที่สุดกลับบ้านไปโดยไม่ได้สวดวอนขออะไรจากพระเลย และที่จริงเขาก็ไม่เห็นจะต้องการอะไร ในเมื่อเขาเลิศเลอครบครันไปเสียทั้งหมด

ฟาริสีคนนี้แหละที่พระเยซูเจ้าตรัสว่า เขาจะกลับบ้านไปมือเปล่า แถมยังตรัสเพิ่มเติมว่า “ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการยกให้สูงขึ้น”

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2010)

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี C

สิ่งที่เป็นพื้นฐานและมีความสำคัญในการที่จะทำให้คำภาวนามีประสิทธิผล เรียกร้องให้เรามีความสุภาพถ่อมตน มีเรื่องเล่าจาก Fr Mark Link, S.J. เรื่องหนึ่งว่า มีนายทหารยศพันเอกคนหนึ่งเพิ่งได้รับมอบหมายงานใหม่และห้องทำงานใหม่ เขามีความยินดีและรู้สึกภาคภูมิใจมาก ไม่กี่นาทีต่อมามีพลทหารหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องเครื่องมือ นายพันเอกผู้ทะนงตนคนนั้นต้องการสร้างความประทับใจแก่พลทหาร จึงพูดกับเขาว่า “รอเดี๋ยวนะทหารเอ๋ย ฉันมีสายเรียกทางโทรศัพท์ที่สำคัญกำลังจะต้องตอบ มันดังขึ้นขณะที่เจ้าเคาะประตูพอดี” แล้วเขาก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ทำมือกดไปตามแป้นตัวเลข เพียงอึดใจต่อจากนั้น เขาก็พูดอย่างผึ่งผายดังนี้ “ท่านนายพลเหรอครับ จะให้ผมรับใช้เรื่องอะไรครับ” เขาเงียบไปชั่วครู่ และก็พูดสรุปว่า “ได้ครับ ท่านนายพล นั่นไม่เป็นปัญหาอะไรเลยครับ ผมจะโทรศัพท์ไปที่กรุงวอชิงตัน และจะพูดกับท่านประธานาธิบดีด้วยตัวผมเองครับท่าน” แล้วเขาก็วางหูไป หลังจากนั้น เขาหันมาที่พลทหาร แล้วพูดว่า “เอาละ บัดนี้เจ้าต้องการอะไรจากฉัน” พลทหารหลบสายตาก่อนจะตอบว่า “ไม่มีอะไรมากครับท่าน ผมเพียงถูกส่งให้มาเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ให้ท่านครับ” พูดได้แค่นั้น เขาก็กลั้นเสียงหัวเราะไว้ แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้นายพันเอกคนนั้นหน้าดำหน้าแดงด้วยความอับอายขายหน้า

พันเอกขี้คุยคนนั้นทำท่าทีพูดคุยโทรศัพท์โดยที่เครื่องของเขายังไม่ได้ต่อสายไว้ นั่นเป็นเรื่องที่น่าขัน เขายังกล้าแต่งคำสนทนาปลอม ทำเป็นพูดกับท่านนายพลที่เขาแต่งเรื่องขึ้นมา แถมยังอาสาจะไปพูดกับทางวอชิงตัน พูดกับท่านประธานาธิบดีอีกด้วย นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ ได้กล่าวไว้ว่า “ใครที่ไม่คงไว้ในความเล็กน้อยของตน ย่อมจะสูญเสียความยิ่งใหญ่ของตน” ( = “He who stays not in his littleness loses his greatness” )

มีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นไปในทางตรงข้ามกับเรื่องข้างบน ชายคนหนึ่ง กำลังจะเดินผ่านห้องนอนของหลานสาวตัวน้อยในค่ำคืนหนึ่ง เขาพึงพอใจมากที่เห็นหลานสาวกำลังคุกเข่าสวดก่อนนอนอยู่ เขาจึงหยุดและเงี่ยหูฟังว่าหนูน้อยกำลังสวดว่าอะไร แต่ก็ได้ยินเพียงรายชื่อพยัญชนะ A B C ….. X Y Z เขาก็แปลกใจมาก จึงเดินเข้าไปหาหลานแล้วถามว่า “หลานรัก หลานกำลังพูดคุยอะไรกับพระหรือ” เธอตอบว่า “คุณลุงขา วันนี้หนูมีเรื่องมากมายจะพูดกับพระองค์ จนกระทั่งไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ดังนั้นหนูจึงตัดสินใจท่องรายชื่อพยัญชนะ แล้วปล่อยให้พระองค์ผสมพยัญชนะเข้าด้วยกัน เพราะว่าพระองค์ทรงรู้ว่าหนูกำลังคิดอะไร” ช่างใสซื่อบริสุทธิ์ดีแท้ นักเทศน์ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งชื่อ Phillip Brooks พูดไว้ถูกต้องทีเดียวว่า “คำจำกัดความที่ง่ายที่สุดของการภาวนาคือ การส่งความปรารถนาไปสู่สวรรค์ โดยที่เราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด และพระเจ้าจะทรงกระทำในส่วนที่เหลือโดยมิให้ล้มเหลวไป”

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ.2019
Based on : Your Words, O Lord, Are Spirit, and They Are Life – Year C
By : Fr James Valladares)