
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ปี C
ครั้งหนึ่งนักดนตรีอเมริกันผู้หยิ่งยโสผู้หนึ่งได้ไปเยี่ยมชมบ้านของบีโธเฟน (Beethoven) ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงระดับโลก เขาคนนี้นั่งลงตรงเปียโนและเริ่มบรรเลงเพลง Moonlight Sonata ของบีโธเฟนด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อเขาเล่นเพลงนี้จบ เขากล่าวกับคนเฝ้าดูแลสถานที่ว่า “ผมคิดว่าคงมีคนดังๆ ที่มีชื่อเสียงมากมายมาที่นี่” ชายนั้นตอบว่า “ใช่ครับ… เช่น Mr. Pederewski ก็ได้มาที่นี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” นักดนตรีอเมริกันจึงถามต่อว่า “และเขาได้เล่นเปียโนหลังนี้ด้วยหรือไม่” ชายอาวุโสผู้นั้นตอบว่า “ไม่ครับ เขาพูดว่าเขาไม่มีค่าพอ( = ไม่เหมาะสม)” Mr. Ignacy Jan Pederewki (ค.ศ. 1860-1941) เป็นนักเปียโนชาวโปแลนด์ที่มีความสามารถมาก ยังเป็นนักประพันธ์เพลง นักพูด นักเขียน นักสังคมสงเคราะห์ และนักปรัชญาด้วย ผู้ซึ่งต่อมาเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศโปแลนด์ในปี ค.ศ.1919 แต่เขาเป็นคนที่สุภาพมากๆ และเป็นแบบอย่างในสิ่งที่บทอ่านต่างๆ ของอาทิตย์นี้กระตุ้นเตือนเราให้เป็นแบบนี้
ความสุภาพถ่อมตนคืออะไร ความสุภาพถ่อมตนไม่ได้มีความหมายเหมือนคนที่มีปมด้อยในตัว ไม่ใช่การลดตัวลงและไม่ใช่การทำตัวเล็กๆ ไม่ใช่การคิดถึงเรื่องทำตัวเราให้เล็กลง แต่หมายถึงการไม่คิดถึงตัวเองเลย และถ้าเราไม่คิดถึงตัวเองเลย เราจะเป็นเหมือนดอกมะลิเล็กๆที่เจียมตัว ไม่ถูกตระหนักว่าสวยงามในตัวเอง แต่กลิ่นหอมของมันพุ่งออกมาจากตนเองไปสู่คนอื่นๆ และไปสู่พระเจ้า
ความสุภาพถ่อมตน (Humility) มาจากรากศัพท์ภาษาลาตินคือคำ “humus” แปลว่า ดิน หรือ โคลน เราเหมือนกับหม้อไหที่พระเจ้าทรงปั้นเราขึ้นมาจากฝุ่นดินของโลกนี้ (เทียบ ปฐก 2:7) และเราจะได้รับพระพรอย่างแท้จริง ถ้าเราตระหนักว่าเราเป็นแค่ฝุ่นดิน สักวันจะกลับไปเป็นฝุ่นดินอีก น่าเศร้าที่บาปของอาดัมทำให้เราหยิ่งยโสอวดดี จนทำให้เราพลาดที่จะจำแนกแยกแยะระหว่างพระเจ้าคือใคร และมนุษย์คือใคร
ในบทอ่านแรกยกย่องฤทธิ์กุศลของความถ่อมตนอย่างเลิศเลอ คนที่ถ่อมตนลงมากๆ จะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าความโปรดปรานของพระเจ้าคือรางวัลสำหรับคนถ่อมตน แต่เป็นเพราะว่าความถ่อมตนหมายถึงการไม่อ้างใช้สิทธิ์ของตนเองเลย จึงทำให้พระเจ้าทรงกระทำกิจการของพระองค์ได้โดยไม่มีข้อจำกัด
ในบทอ่านที่สองคือจดหมายถึงชาวฮีบรูนั้น ได้พูดอ้อมๆถึง “ขบวนการของความสุภาพถ่อมตน” คือผู้เขียนจดหมายนี้ได้ชี้ให้เห็นร่องรอยหรือแนวทางของขบวนการที่เคลื่อนผ่านจากกฎหมายไปสู่ข่าวดีแห่งพระวรสาร จากภูเขาซีนาย (โมเสส) ไปสู่ภูเขาศิโยน (พระเยซูเจ้า) จากการทำให้ตนเป็นคนชอบธรรมในพันธสัญญาเดิม ถึงการสละละทิ้งตนเองในพันธสัญญาใหม่ ในขบวนการนี้ ผู้ที่มีความเชื่อแท้จริง จะต้องสลัดทิ้ง “ตนเอง” ออกไป และซึมซับเข้าไปอยู่ใน “ความเป็นพระ” ของพระเจ้าให้หมดสิ้น
ในพระวรสารนั้น พระเยซูเจ้ามิได้เพียงประทานคำแนะนำว่าควรเลือกที่นั่งใดเมื่อมีผู้เชิญไปงานเลี้ยง แต่จริงๆแล้วทรงต้องการเทศน์สอนชาวฟาริสีที่เดินอยู่รอบบริเวณพระวิหารแล้ววางท่าผึ่งผายในตำแหน่งที่แสดงถึงอำนาจและสิทธิพิเศษ พระเยซูเจ้าทรงกล่าวติเตียนท่าทีที่ยกตนขึ้นของฟาริสี อันนำไปสู่การปฏิเสธความยิ่งใหญ่ และพระกรุณาธิคุณของพระเจ้า การกระทำเช่นนี้ของชาวฟาริสีเปรียบเหมือนกับพวกเขาพูดว่า “จงดูฉันสิ” และดังนี้พวกเขาก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะพึ่งพระเจ้า อีกทั้งไม่จำเป็นต้องพึ่งพระหรรษทานของพระองค์ด้วย
ทุกวันนี้ ผู้คนขวนขวายจะมี “ร่างกายที่สวยงาม” ซึ่งจะนำไปสู่ความประทับใจใน “ตัวตนของฉัน” และเป็นการยกระดับตัวฉันขึ้นไป ความหลงใหลในตัวเอง (Narcissus) แอบซ่อนตัวอยู่ในเราแต่ละคน บางคนอดไม่ได้ที่จะส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน แล้วก็คิดว่าตัวเองดูดีขึ้นทุกวัน (ไม่รู้ว่าดีขึ้นจริงหรือว่าหลอกตัวเอง) ส่วนคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วมักจะสุภาพถ่อมตน เพราะพวกเขาตระหนักรู้อย่างแท้จริงว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นผู้ใด และรู้ว่าเขาซึ่งเป็นมนุษย์นั้นเป็นใคร บางทีเราอาจคิดว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะต้องถ่อมตน ฉะนั้น เราควรคุกเข่าลงกับพื้นดิน และเรียนรู้เรื่องความสุภาพถ่อมองค์ของพระเยซูเจ้าผู้ตรัสว่า “…จงมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29)
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ปี C
พระวาจาของพระเจ้าสำหรับอาทิตย์นี้สอนเรื่อง ความสุภาพถ่อมตน
จากบทอ่านแรก “ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จงทำด้วยความอ่อนโยนเถิด แล้วท่านจะเป็นที่รักมากกว่าคนให้ของกำนัล ท่านยิ่งเป็นใหญ่มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งถ่อมตนลงมากเท่านั้น แล้วพระเจ้าจะโปรดปรานท่าน” (บสร 3:17-19)
จากพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสว่า “…แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ (ไปในงานเลี้ยง) จงไปนั่งที่สุดท้ายเถิด… เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” (มธ 14: 7-14)
จะเห็นได้ชัดว่า ความสุภาพถ่อมตนเป็นคุณธรรมหรือฤทธิ์กุศลที่สำคัญมาก เพราะพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากผู้ต่ำต้อย
มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ นายดอน ชูลา ซึ่งเป็นโค้ชของทีมไมอามี ดอลฟินส์ ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังไปพักร้อนช่วงวันหยุดกับครอบครัวในเมืองเล็กๆ ตอนเหนือของมลรัฐไมน์ บ่ายวันหนึ่งฝนกำลังตกอยู่ เขาและภรรยาและลูกๆ อีก 5 คนตัดสินใจไปดูภาพยนตร์รอบบ่ายที่โรงภาพยนตร์ที่มีแต่เพียงโรงเดียวของเมืองนี้ เมื่อพวกเขาไปถึงภาพยนตร์ยังไม่ฉาย มีคนในโรงเพียง 6 คนเท่านั้น เมื่อเห็นดอน ชูลาและครอบครัวเดินเข้ามา คนทั้งหกยืนขึ้นพร้อมกัน และปรบมือให้ เขาโบกมือและยิ้มให้
ในขณะนั่งลง เขาหันไปหาภรรยาพูดว่า “เราอยู่ห่างจากไมอามีเป็นพันๆ ไมล์ แต่พวกเขายืนขึ้นให้เกียรติฉัน แสดงว่าพวกเขาต้องติดตามทีมดอลฟินส์ทางทีวีแน่เลย”
แล้วนั้น มีชายคนหนึ่งเดินมาขอจับมือกับเขา ดอน ชูลา ยิ้มกว้างและพูดว่า “คุณจำผมได้หรือ” ชายนั้นตอบว่า “คุณครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ที่ผมรู้คือก่อนที่คุณและครอบครัวจะเดินเข้ามา ผู้จัดการของโรงภาพยนตร์ได้บอกพวกเราว่า อย่างน้อยต้องมีอีก 4 คนเข้ามาเราจึงจะฉายภาพยนตร์”
เรื่องนี้น่าสนใจ และบางทีเราอาจจะคิดว่า ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องความสุภาพถ่อมตนเลย ดอน ชูลา ถ่อมตนเมื่อไร อาจจะตรงข้ามด้วยซ้ำ ค่าที่เขาเข้าใจผิด
แต่ขอเฉลยว่า ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือ ดอน ชูลาเอง เขาเห็นว่าเป็นเรื่องขำก็จริง และเขาก็สุภาพพอที่จะเล่าเรื่องความเข้าใจผิดของเขาให้คนทั้งหลายฟัง
จึงมาถึงคำถามที่สำคัญว่า ความสุภาพถ่อมตนที่แท้จริง คืออะไร
คือ การดึงตัวของเราลงมา
คือ การคิดถึงเราเองเพียงน้อยนิด
คือ การไม่ยอมรับคุณค่าที่แท้จริงของตนเอง หรือบีบให้มันเล็กลง
คงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะความสุภาพถ่อมตนมีความหมายที่ลึกซึ้งและสวยงามกว่านั้นแฝงอยู่
ความสุภาพถ่อมตนไม่ใช่การคิดถึงตนเองเพียงน้อยนิด แต่เป็นการไม่คิดถึงตัวเราเองเลย
ความสุภาพถ่อมตนในแบบที่ลึกซึ้งและสวยงามหมายถึง การเป็นเหมือนพระเยซูเจ้า ซึ่งตรัสว่า “จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29)
ยังหมายถึงการเป็นเหมือนพระเยซูเจ้าผู้ตรัสว่า “เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มก 10:45)
ความสุภาพถ่อมตน หมายถึงการดำรงชีวิตแบบที่พระเยซูเจ้าทรงดำรงชีวิต ไม่ใช่เพื่อเราเอง แต่เพื่อผู้อื่น
ยังหมายถึงการใช้พรสวรรค์ของเราเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่เพื่อตัวเราเองและเกียรติรุ่งโรจน์ของเรา แต่เพื่อผู้อื่น ตามความต้องการของพวกเขา