
คณะเยสุอิตบวชบาทหลวงใหม่ 2 องค์
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565
บาทหลวงคณะเยสุอิต ได้จัดให้มีพิธีบวชบาทหลวงใหม่ของคณะอีก 2 องค์ คือ บาทหลวง มัทธิว ณรงค์ฤทธิ์ ดาวเรืองผดุง S.J.ชาวไทย และบาทหลวง โทมัส ฟาม โง ฮวง หยุง Fham Ngo Hoang Dung, S.J. ชาวเวียดนาม ที่อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่ โดยบิชอป ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ สมณประมุขศาสนปกครองเขตเชียงใหม่ เป็นประธาน หลังบวชแล้วบาทหลวงมัทธิว ณรงค์ฤทธิ์ ดาวเรืองผดุง จะไปทำงานที่ศูนย์การเรียนรู้เซเวียร์ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ส่วนบาทหลวง Fham Ngo Hoang Dung, S.J หลังบวชแล้วทำงานที่สวนเจ็ดริน จังหวัดเชียงใหม่ โอกาสนี้ บิชอป ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม สมณประมุขศาสนปกครองเขตเชียงรายได้ให้เกียรติมาร่วมในพิธีด้วย พร้อมกันนี้ มีคณะบาทหลวง นักบวชชายหญิง และสัตบุรุษจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพี่น้องจากหมู่บ้านนาเกียน และเขตอำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบาทหลวงณรงค์ฤทธิ์ ดาวเรืองผดุง รวมทั้งบิดามารดา ญาติพี่น้องของบาทหลวง Fham Ngo Hoang Dung, S.J. และพี่น้องจากประเทศเวียดนามมาร่วมด้วย
สำหรับประวัติของบาทหลวงทั้งสองเป็นดังนี้
บาทหลวง มัทธิว ณรงฤทธิ์ ดาวเรืองผดุง S.J.
เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงโผล่ง เป็นสัตบุรุษวัดนักบุญเปาโล นาเกียน ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 5 คนเป็นบุตรของ นายลือปุย และนางแคมุย ดาวเรืองผดุง
การศึกษาระดับปฐมวัย-ประถมศึกษา เรียนที่โรงเรียนบ้านนาเกียน ระดับมัธยมศึกษาเรียนที่โรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม ระดับอุดมศึกษาสาขาปรัชญา ศึกษาที่ Sekolah Tinggi Filsafat Driyarkara, Indonesia สาขาเทววิทยา จาก Loyola School of Theology, Inc., Philippines
เส้นทางกระแสเรียกในการเป็นนักบวชนั้น บอกว่าเมื่อมองย้อนกลับไปตอนเด็กทำให้หวนคิดถึงเรื่องราววัยเยาว์ช่วงมัธยม ตอนที่ได้เดินทางจากหมู่บ้านนาเกียนเข้ามาเรียนหนังสือในตัวอำเภออมก๋อย อาศัยอยู่ที่ศูนย์พระวิสุทธิวงศ์ แม่พระบังเกิด อมก๋อย ภายใต้การดูแลของบาทหลวงพื้นเมืองสังฆมณฑลเชียงเชียงใหม่ หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงตัดสินใจไม่เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุเพราะอยากมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น จึงเข้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯ กับเพื่อน ๆ ที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันในช่วง 3 เดือนแรก ขณะที่ทำงานที่กรุงเทพฯ ทำให้คิดถึงกระแสเรียกการเป็นบาทหลวง จึงได้ไตร่ตรองและพิจารณาถึงกระแสเรียกนี้ พยายามหาเวลาไปร่วมมิสชาวันอาทิตย์ ต่อมาในช่วง 2 เดือนหลัง ก่อนกลับบ้านที่นาเกียน ทำให้ได้ไตร่ตรองและพิจารณาอีกครั้งถึงทิศทางของชีวิตว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ซึ่ง ณ ตอนนั้น มีความคิดอยากเป็นครูคำสอน เพราะเวลามองออกมาจากตนเองและมองกลับไปในที่ที่ผมเคยอยู่ โดยเฉพาะที่ศูนย์อมก๋อยนั้นยังขาดครูคำสอน จึงคิดว่าอาจเป็นการดีที่จะเรียนเพื่อมาเป็นครูคำสอน กลับไปช่วยงานวัดดูแลเด็กที่ศูนย์ และไปเยี่ยมชาวบ้านตามที่ต่าง ๆ จึงไปปรึกษาบาทหลวงธงชัย สุวรรณใจ ซึ่งเป็นเจ้าวัดในขณะนั้น โดยได้อธิบายถึงเหตุผลและความปรารถนาเป็นครูคำสอน ท่านเห็นถึงความตั้งใจและเข้าใจเหตุผล จึงทำให้ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ศูนย์แม่ริม เป็นระยะเวลา 2 ปี (รุ่นที่ 13 ค.ศ. 2006-2007)
ชีวิตกระแสเรียก
เกี่ยวกับกระแสเรียนนั้น ได้ท่านได้เล่าว่า ผมรู้ได้อย่างไรว่าพระทรงเรียกผมให้มาเป็นนักบวชในคณะเยสุอิต ผมเชื่อว่าพระเจ้ามีแผนการของพระองค์ในมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันไป ส่วนกระแสเรียกที่ผมได้รับนั้นมาจากครอบครัว ผมขอแบ่งปัน เรื่องราวสำคัญ 2 อย่าง ที่เป็นเสียงเรียกของพระในชีวิตผม คือ เหตุการณ์แรกเป็นบทสนทนาระหว่างแม่กับลูก แม่ของผมถามว่า “อยากไปเรียนต่อไหม หลังจากจบป. 6 ผมตอบแม่ว่า “อยากไปเรียนต่อสูง ๆ เพราะผมอยากมีอนาคตที่ดีขึ้น” ผมรู้สึกประทับใจแม่มากสำหรับการเตรียมทางและปูพื้นฐานชีวิตของลูกด้วยการศึกษาผมเองก็เปิดใจรับคำเชื้อเชิญของแม่โดยการตอบสนองและปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นในช่วงที่ผมศึกษาอยู่ที่ศูนย์พระวิสุทธิวงศ์ แม่พระบังเกิด อมก๋อย ผมจำได้แม่นว่า ตอนนั้นผมอยู่ชั้น ม.2 บาทหลวงสุธี เจริญกุล ซึ่งเป็นเจ้าวัดขณะนั้น ได้ถามพวกเราเด็ก ๆ ว่าพวกเราอยากเป็นอะไรในอนาคต ขอให้เขียนข้อตั้งใจของตนเองในกระดาษ แล้วจะถวายในมิสซาบูชาขอบพระคุณ ผมได้เขียนข้อตั้งใจของผมลงไปว่า “ผมอยากเป็นพระสงฆ์”
กาลเวลาผ่านไปหลายปีมาก โดยเฉพาะการเดินทางของผมในคณะเยสุอิต ผมมีเวลาคิดทบทวนความตั้งใจตอนเป็นเด็ก ความตั้งใจอยากเป็นพระสงฆ์ผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ความทรงจำเหล่านี้เป็นพลังขับเคลื่อนและแสงสว่างทำให้ผมค้นพบจุดยืนที่จะยึดมันไว้ในการดำเนินชีวิตเหตุการณ์ที่สอง เป็นช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาอยู่บ้านโลโยลา สามพราน บาทหลวงปิโตโย ได้ดูแลอบรมผมในการเป็นผู้สมัครของคณะเยสุอิตว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง ท่านบอกว่า บ้านเณรเราเน้นชีวิตการเรียน ชีวิตกลุ่ม และชีวิตฝ่ายจิต จึงทำให้จดจำและเข้าใจคำพูดหนึ่งที่ใช้กันในหมู่เยสุอิต คือ คำว่า “Magis”หมายถึง “มากขึ้น” จึงสังเกตตัวเองหลายครั้งในเวลาที่หนทางชีวิตมืดมนและไม่ชัดเจนสำหรับการเดินทางต่อไป แต่เมื่อเวลาคิดถึงการ “ค้นหาพระเจ้าในทุกสิ่ง และทุกสิ่งในพระเจ้า” ทำให้ชีวิตมีทิศทาง มีความหมาย และมีความมั่นใจว่าพระทรงนำทางจริง ๆ เราไม่ได้ค้นหาพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงค้นหาเรา ทรงเตรียมทางและให้อิสระแก่เราในการเลือก ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระองค์ จึงรู้สึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระหรรษทาน และความรักของพระองค์ที่ทำให้ต้องฝึกฝนและเติบโตในความเชื่อโดยการค้นหาพระองค์ในทุกๆ วันและพัฒนาตนเองด้านการเรียน ชีวิตหมู่คณะ และชีวิตฝ่ายจิตให้มีคุณภาพมากขึ้น จึงตระหนักอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเราในทุกขณะของชีวิต
บาทหลวง นักบุญโทมัส Pham Ngo Hoang Dung, S.J.
เป็นชาวเวียดนาม เกิดเมืองวันที่ 8 สิงหาคม 1985 เป็นสัตบุรุษวัด An Son, เมือง Can Tho, ประเทศเวียดนาม
ประวัติการศึกษา มัธยมศึกษาปลาย 2000 – 2003 เรียนที่โรงเรียนมัธยม “Thoai Ngoc Hau” เมือง Long Xuyen ประเทศเวียดนาม
อุดมศึกษา : ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ – การออกแบบกราฟิก ที่มหาวิทยาลัยเปิดโฮจิมินห์ชิตี้, นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ระหว่างปี ค.ศ. 2003 – 2007
การเข้ารับการอบรมฝึกชีวิตนักบวชในคณะเยสุอิต
เข้าสู่นวกภาพ : วันที่ 31 พฤษภาคม 2010 ที่บ้านนวกะ พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์, นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม จากนั้นปฏิญาณตนครั้งแรก วันที่ 31 พฤษภาคม 2012 ที่วัด Epiphany, นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาระหว่างเดือนมิถุนายน 2012 – พฤษภาคม 2015 ที่ St.Joseph Scholasticate, นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ปีพัก : ในช่วงปีพักเดือน มิถุนายน 2015 – พฤษภาคม 2018 เป็นนจิตตาธิการนักศึกษาคาทอลิก สวนเจ็ดรินเชียงใหม่
เทววิทยา : พฤษภาคม 2018 – พฤษภาคม 2022 ศึกษาเกี่ยวกับเทววิทยาศักดิ์สิทธิ์ที่ (STB),Loyola School of Theology. ประเทศฟิลิปปินส์ จากนั้นตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2019 – จนถึงเดือน พฤษภาคม 2022
ระดับปริญญาโท Master in Spirituality and Retreat Giving, ที่มหาวิทยาลัย Ateneo De Manila, ประเทศฟิลิปปินส์ และได้รับการแต่งรับพิธีบวชเป็นสังฆานุกรเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2021, ที่วัด Church of Gesu ประเทศฟิลิปปินส์ โดย บิชอป Honesto Flores Ongtioco, D.D.สมณประมุขแห่งคูเบา ประเทศฟิลิปปินส์
คติพจน์ “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน” (2 โครินธ์ 12:9)