การเข้าเฝ้าแบบทั่วไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
วันพุธที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2020
การสวดภาวนาของดาวิด
“โดยที่ได้รับการโปรดปรานพิเศษจากพระเจ้า ดาวิดได้รับการเลือกให้ทำพันธกิจพิเศษ
ซึ่งจะมีบทบาทในประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระเจ้าและในความเชื่อของเรา”
วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2020
การเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแบบทั่วไปเช้านี้ เริ่มเวลา 9.25 น. ถ่ายทอดสดจากห้องสมุดวาติกัน
ในการปราศรัยเป็นภาษาอิตาเลียน สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสอนคำสอนเรื่องการสวดภาวนาต่อไปจากอาทิตย์ที่แล้วโดยเน้นเรื่อง “การสวดภาวนาของดาวิด” (สดด. 18: 2-3; 29, 33)
หลังจากที่สรุปคำสอนเป็นภาษาต่างๆแล้วสมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าวต้อนรับผู้ที่มาเข้าเฝ้า
การเข้าเฝ้าสิ้นสุดลงด้วยการสวดภาวนาข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามด้วยการอวยพรของสมเด็จพระสันตะปาปา
ต่อไปนี้เป็นคำแปลของคำปราศรัยโดยสำนักข่าววาติกัน
***
การสอนคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
อรุณสวัสดิ์ ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
ในการสอนคำสอนเกี่ยวกับการสวดภาวนาวันนี้ พวกเราจะไตร่ตรองถึงการภาวนาของกษัตริย์ดาวิด เพราะเขาได้รับการโปรดปรานตั้งแต่เด็ก เขาถูกเลือกให้ทำพันธกิจพิเศษซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระเจ้าและกับความเชื่อของพวกเรา ในพระวรสารพระเยซูคริสต์ถูกกล่าวขานว่าเป็น “บุตรแห่งดาวิด” หลายต่อหลายครั้ง ความจริงก็คือพระองค์ทรงบังเกิดที่ตำบลเบธเลเฮ็ม ตามคำสัญญาพระผู้ไถ่จะมาจากลูกหลานของดาวิด จะเป็นกษัตริย์ที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะนบนอบอย่างครบครันต่อพระบิดา ซึ่งการกระทำของเขาจะซื่อสัตย์ตามแผนการแห่งการไถ่กู้ของพระเจ้า (ดู คำสอนของพระศาสนจักร ข้อ 2579)
เรื่องราวของดาวิดเริ่มขึ้นแถวเนินเขาที่ล้อมรอบเบธเลเฮ็ม ซึ่งเขาเลี้ยงแกะของเจสซีผู้บิดา เขาดูเป็นเด็กธรรมดา เขาเป็นคนสุดท้องที่มีพี่หลายคนกดู จนกระทั่งเมื่อประกาศกซามูเอลได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ไปแสวงหากษัตริย์คนใหม่ ดูเหมือนบิดาของเขาแทบจะลืมนึกถึงบุตรชายคนเล็ก (ดู 1 ซมอ.16: 1-13) เขาทำงานกลางแจ้ง พวกเราอาจนึกถึงเขาว่าเป็นมิตรกับสายลม กับเสียงธรรมชาติ กับแสงอาทิตย์ เขามีมิตรเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือพิณเพื่อบรรเทาดวงวิญญาณของเขา และในวันที่ยืดยาวในการที่อยู่อย่างสันโดษในท้องทุ่ง เขาชอบดีดพิณและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นอกจากนั้นเขายังชอบยิงหนังสติ๊กด้วย
ดังนั้นประการแรกดาวิดจึงเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เป็นคนเลี้ยงดูปศุสัตว์ที่คอยปกป้องฝูงสัตว์มิให้มีอันตรายและหาหญ้าให้สัตว์เลี้ยงเหล่านั้น เมื่อพระประสงค์ของพระเจ้าต้องการให้เขาเป็นคนเลี้ยงดูประชากร สิ่งต่างๆที่เขาจะทำจึงไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าใด นี่คือเหตุผลที่ภาพลักษณ์ของคนเลี้ยงแกะจึงปรากฏขึ้นบ่อยๆในพระคัมภีร์ แม้กระทั่งพระเยซูคริสต์เองก็ทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็น “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ซึ่งนิสัยใจคอย่อมแตกต่างจากพ่อค้าหรือคนรับจ้าง พระองค์ทรงยอมมอบชีวตของตนเพื่อฝูงแกะ ทรงแนะนำฝูงแกะ พระองค์ทราบชื่อของแกะแต่ละตัว” (ยน. 10: 11-18)
ดาวิดเรียนรู้งานของตนเองเป็นอย่างดีจากงานเก่าของเขา ดังนั้นเมื่อประกาศกนาธานตำหนิเขาเพราะเขาทำบาปหนัก (2 ซมอ. 12: 1-15) ดาวิดเข้าใจโดยทันทีว่าตนเป็นผู้เลี้ยงแกะที่เลว ตนได้ทำลายชายอีกคนหนึ่งที่ตนรัก ตนมิได้เป็นผู้รับใช้อย่างสุภาพอีกต่อไป แต่เป็นคนที่ลุแก่อำนาจ เป็นคนขี้ขโมย และเป็นคนที่แสวงหาผู้ที่จะตกเป็นเหยื่อ
คุณสมบัติประการที่สองแห่งกระแสเรียกของดาวิดคือดวงวิญญาณที่เป็นนักกวี หรือศิลปินของเขา จากการสังเกตพวกเราสามารถอุปมาได้ว่าดาวิดไม่ใช่คนต่ำต้อยธรรมดาๆดังที่บ่อยครั้งพวกเราพบกับกรณีของปัจจเจกบุคคลบางคนที่ถูกบังคับให้ต้องดำเนินชีวิตอยู่อย่างสันโดษจากสังคมเป็นเวลาช้านาน ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกไว เป็นคนที่รักดนตรีและชอบร้องเพลง เขาจะมีพิณติดตัวอยู่เสมอ บางครั้งเขาก็ขับร้องเพลงแสดงความชื่นชมยินดีถวายพระเจ้า (2 ซมอ. 6: 16) บางครั้งก็แสดงความเสียใจ หรือสารภาพบาปของตน (สดด. 51: 3)
โลกที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขาไม่ได้เป็นฉากที่เงียบสงบ เนื่องจากเขาเห็นพระธรรมล้ำลึกที่ยิ่งใหญ่ในสิ่งต่างๆที่เขาพิศเพ่ง นี่คือบ่อเกิดแห่งการสวดภาวนาของเขาจากการที่เชื่อมั่นว่าชีวิตมิใช่อะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นพระธรรมล้ำลึกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับบทกวี ดนตรี ความกตัญญู การสรรเสริญ กระทั่งการคร่ำครวญและการวิงวอนในตัวของพวกเรา เมื่อผู้ใดขาดซึ่งมิติแห่งจินตกวี หรือขาดสุนทรีของกวีกลอน ดวงวิญญาณของเขาก็จะพิการ ดังนั้นกิตติศัพท์จึงเล่าลือกันว่าดาวิดเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังบทเพลงสดุดี บทเพลงสดุดีหลายบทต้นๆ มีการอ้างอย่างชัดเจนถึงกษัตริย์แห่งอิสราเอล และบางเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยสวยงามนักในชีวิตของเขา
เพราะฉะนั้นดาวิดจึงมีความฝันที่จะเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี บางครั้งเขาก็จริงจังมาก บางครั้งก็หย่อนยานหน่อย ทว่าในบริบทแห่งประวัติศาสตร์ของการไถ่กู้เขาเป็นคำทำนายองของกษัตริย์อีกองค์หนึ่งซึ่งเขาเองเป็นเพียงผู้ป่าวประกาศ และเป็นภาพพจน์ล่วงหน้า
จงมองไปยังดาวิด จงคิดเกี่ยวกับดาวิด เป็นทั้งคนศักดิ์สิทธิ์และคนบาป เป็นทั้งผู้ที่ถูกเบียดเบียนและเป็นผู้เบียดเบียน เป็นทั้งเหยื่อและเป็นผู้ฆ่า ฟังแล้วดูจะขัดแย้งกัน ดาวิดเป็นทุกอย่าง ซึ่งพวกเราเองก็เช่นเดียวกัน พวกเราต่างก็มีประวัติที่ขัดแย้งกันในละครแห่งชีวิต บ่อยครั้งทุกคนทำบาปเพราะความไม่เสมอต้นเสมอปลาย มีแนวทางอยู่แนวเดียวในชีวิตของดาวิดที่สร้างความเป็นเอกภาพให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือการสวดภาวนาซึ่งเป็นเสียงที่ไม่เคยดับ ดาวิดผู้เป็นนักสวดภาวนา ดาวิดผู้เป็นคนบาปสวดภาวนา ดาวิดผู้ถูกเบียดเบียนสวดภาวนา ดาวิดนักเบียดเบียนสวดภาวนา ดาวิดแม้จะเป็นคนที่ฆ่าคนก็สวดภาวนา นี่คือแนวโน้มดุจทองคำล้ำค่าที่อยู่กับดาวิดจนตลอดชีวิต เขาเป็นบุคคลแห่งการสวดภาวนา นี่เป็นเสียงที่ไม่เคยหยุดไม่ว่าจะเป็นเสียงแห่งความชื่นชมยินดี หรือเสียงคร่ำครวญก็เป็นการสวดภาวนาทั้งสิ้น เพียงแต่ถ้วงทำนองเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนไป ในการกระทำดังกล่าวดาวิสสอนพวกเรา ให้พวกเราทำทุกสิ่งเป็นการเสวนากับพระเจ้า ทั้งเรื่องที่น่ายินดีและเรื่องความผิดพลาดของพวกเรา ทั้งเรื่องความรักและเรื่องความทุกข์ ทั้งเรื่องมิตรภาพและเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกอย่างเป็นคำพูดได้กับ “พระองค์” ผู้ทรงสดับฟังพวกเราอยู่เสมอ
ดาวิดผู้ทรงทราบดีถึงความสันโดษ อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยต้องอยู่ตามลำพัง ในที่สุดจะเป็นพลังแห่งคำภาวนาสำหรับทุกคนที่มีพื้นที่สำหรับการสวดภาวนาในชีวิต การสวดภาวนาทำให้พวกเรามีศักดิ์ศรี ดาวิดมีเกียรติมีศักดิ์ศรีก็เพราะเขาสวดภาวนา แต่เขาเป็นคนฆ่าคนที่สวดภาวนาด้วย เขาเสียใจแล้วศักดิ์ศรีก็หวนกลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง การสวดภาวนาทำให้พวกเรามีศักดิ์ศรีเช่นกัน ซึ่งสามารถสร้างมิตรภาพของพวกเรากับพระเจ้า ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่แท้จริงในการเดินทางของมนุษย์ทุกคนท่ามกลางอุปสรรคร้อยแปดแห่งชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่ต้องสวดภาวนาเสมอ ข้าแต่พระเจ้า ขอขอบคุณพระองค์ ลูกรู้สึกกลัว โปรดช่วยลูกด้วยเถิดพระเจ้าข้า โปรดให้อภัยแก่ลูกด้วยเถิดพระเจ้าข้า ความไว้วางใจของดาวิดนั้นยิ่งใหญ่จนว่าเมื่อเขาถูกเบียดเบียนแล้วต้องหนีตาย เขาไม่ได้ขอร้องให้ใครมาปกป้องเขา “หากพระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าต้องตกต่ำเช่นนี้ พระองค์ทรงทราบดีว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่” เพราะศักดิ์ศรีแห่งการสวดภาวนาทำให้พวกเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระหัตถ์เหล่านั้นที่ถูกทำให้มีบาดแผลเพราะความรัก เป็นพระหัตถ์แท้จริงแต่อย่างเดียวที่พวกเรามี
พระสันตะปาปาทรงทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
ขอต้อนรับพี่น้องที่พูดภาษาอังกฤษทุกคนที่ร่วมใจกับเราทางสื่อ พ่อขอความชื่นชมยินดี และความสุขของพระเยซูคริสต์จงประทับอยู่กับท่านและครอบครัวของท่าน ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกคน
พระสันตะปาปาทรงทักทายเป็นภาษาสเปน
ในการทักทายสัตบุรุษเป็นภาษาสเปน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเอ่ยถึงแผ่นดินไหวที่รุนแรงทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโกเมื่อวานนี้ ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตการบาดเจ็บและความสูญเสียเป็นอันมาก “ขอให้พวกเราภาวนาสำหรับพวกเขาที่ประสบภัย” พระองค์ตรัส “ขอให้ความช่วยเหลือของพระเจ้าและบรรดาพี่น้องประทานพละกำลังและการสนับสนุน พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย พ่ออยู่ใกล้ชิดกับพวกท่าน”
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สาส์น “เพื่อวันแห่งพันธกิจประกาศข่าวดีสากล” ค.ศ. 2020 หรือพวกเราเคยเรียก “วันมิสซัง” Message 2020: WORLD MISSION DAY
- สมเด็จพระสันตะปาปาในคืนคริสต์มาส: พระเยซูเจ้าทรงแสดงทางจากความเล็กน้อยไปสู่ความยิ่งใหญ่
- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- สมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสารใหม่ แนวคำสอนใหม่คือ “เหตุการณ์น่าชื่นชมในชีวิตพระศาสนจักร”
- สมณลิขิตในรูปแบบพระสมณอัตตาณัติ (Motu Proprio) ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส “ANTIQUUM MINISTERIUM”