Skip to content

บทเทศน์วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2020

พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับเราแต่ละคน

ในการสวดภาวนาสำหรับครอบครัวที่กำลังเผชิญวิกฤตโรคระบาดโควิด19 ในวันฉลองนักบุญยอร์ชวันนี้ พวกเราต้องไว้ใจในการภาวนาของพระเยซูคริสต์ให้มากขึ้น

ในวันฉลองนักบุญยอร์ช (นักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส)  สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่าพระเยซูคริสต์ทรงภาวนาสำหรับพวกเราแต่ละคน

ตามสำนักข่าววาติกันสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเน้นประเด็นนี้ในวันนี้ที่ 23 เมษายน ซึ่งเป็นวันฉลองนักบุญยอร์ชระหว่างการถวายมิสซา ณ วัดน้อยภายในสถานพำนักซางตามาระษ นครรัฐวาติกัน (Casa Santa Marta)

เมื่อรำลึกว่าพระเยซูคริสต์ทรงวิงวอนพระบิดาเพื่อพวกเรา  พวกเราต้องขอบคุณพระองค์อย่างไรสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อพวกเรา  สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตรัสต่อไปว่า “พวกเราต้องมีความไว้วางใจมากยิ่งขึ้นในคำภาวนาของพวกเรา และในคำภาวนาของพระเยซูคริสต์”

พระสันตะปาปาทรงเริ่มพิธีมิสซา โดยขอให้พวกเราร่วมใจรำลึกถึงผู้เคราะห์ร้ายจากไวรัสโคโรนา  พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อครอบครัวที่กำลังตกอยู่ในวิกฤตและสำหรับผู้ที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากนี้

“ในหลายแห่ง ผลพวกงของโรคระบาดนี้ก็คือ หลายครอบครัวตกอยู่ในความยากจนและพวกเขาหิวโหย” พระองค์ตรัสโดยตั้งข้อสังเกตว่า “หลายครอบครัวที่ไม่ได้ทำงานและไม่มีอาหารสำหรับลูกๆต้องตกเป็นเหยื่อของคนที่มักง่าย ละเลย เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งในที่สุดยังฉวยยึดเอาสิ่งเล็กน้อยที่บรรดาคนจนมีไป”

พระองค์ทรงรำพัน “นี่แหละเป็นโรคระบาดอีกประเภทหนึ่ง คือโรคระบาดของปัญหาสังคม”

สมเด็จพระสันตะปาปาจึงทรงเชื้อเชิญ “ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาสำหรับครอบครัวเหล่านี้เพื่อศักดิ์ศรีของพวกเขา และขอให้พวกเราภาวนาสำหรับนักฉวยโอกาสด้วย เพื่อพระเจ้าจะได้สัมผัสหัวใจของเขาเหล่านั้น และทำให้พวกเขากลับใจใหม่”

ในบทเทศน์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงไตร่ตรองข้อความในพระคัมภีร์ของวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก (กจ. 5: 27-33) ซึ่งเปโตรเมื่อเผชิญกับการถูกตำหนิและการข่มขู่จากหัวหน้าสมณะ ที่ห้ามอัครสาวกสอนประชาชน เปโตรตอบกลับไปว่าเราต้องนบนอบพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์

แล้วเปโตรก็ประกาศการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ต่อหน้าทุกคน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงไตร่ตรองถึงบุคคลิกของเปโตร จากเดิมท่านเป็นคนขลาด แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนกล้าหาญด้วยของขวัญพิเศษของพระจิตอย่างไร ซึ่งต้องขอบคุณการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเชื้อเชิญให้ผู้ที่ติดตามมิสซา “คิดอย่างลึดซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักนิดหนึ่ง”

“ขอให้พวกเราหันกลับไปหาพระเยซูคริสต์” พระสันตะปาปาทรงเตือนใจ และ “ขอให้พวกเราขอบคุณพระองค์ที่ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา”

“พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับเราแต่ละคน”  พระองค์กล่าวต่อไปอีกว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ที่วิงวอนพระบิดาเพื่อพวกเรา  “พระเยซูคริสต์ผู้ทรงยอมรับบาดแผลทั้งหมดไว้กับพระองค์เพื่อที่จะให้พระบิดาเจ้าทรงเห็น  นี่คือคราคาค่างวดแห่งการไถ่กู้สำหรับพวกเรา  พวกเราจึงต้องวางใจในคำภาวนาของพวกเราและคำภาวนาของพระเยซูคริสต์”

“ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดภาวนาเพื่อลูก” – “แต่เราเอง (พระเยซูคริสต์) คือพระเจ้า เราเองสามารถให้สิ่งที่ท่านขอแก่ท่านได้…” – “ใช่แล้วพระเจ้าข้า เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้วิงวอน” และนี่คือความลับของเปโตร “เปโตร เราจะภาวนาสำหรับท่านเพื่อที่ท่านจะได้ยึดมั่นอยู่ในความเชื่อ” (ลก. 22: 32)

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงสรุปด้วยการภาวนาว่า “ขอให้พระเยซูคริสต์ทรงสอนพวกเราให้รู้จักวอนขอพระหรรษทานที่จะภาวนาเพื่อพวกเราแต่ละคน”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชื้อเชิญบรรดาสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน  

บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)

         บทอ่านแรกของวันนี้ยังคงเล่าเรื่องซึ่งเริ่มต้นด้วยการรักษาคนพิการที่หน้าประตูพระวิหาร บรรดาอัครสาวกถูกนำไปปรากฏตัวหน้าศาลซันเฮดริน แล้วก็ถูกจับขังคุกแต่ทูตสวรรค์ได้มาปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ และบทอ่านเช้านี้เน้นว่า  ความจริงในช่วงเช้านั้นพวกเขาต้องถูกนำตัวออกจากคุกเพื่อไปฟังคำพิพากษา แต่ทูตสวรรค์มาปล่อยพวกเขาก่อน  แล้วพวกเขาก็กลับไหเทศนาที่พระวิหาร (เทียบ กจ. 5: 17-25)  “ในสมัยนั้นนายร้อยและเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้นำอัครสาวกไปยังสภาศาล” (ข้อ 27) เขาไปจับบรรดาอัครสาวกในพระวิหารแล้วนำตัวไปยังสภาศาลซันเฮดริน มหาสมณะตำหนิพวกเขาที่นี่ “เราขอสั่งอย่างเด็ดขาดไม่ให้พวกท่านเทศนาในพระนามนี้” (ข้อ 28) กล่าวคือพระนามเยซูคริสต์ แต่ “ท่านยังขืนนำคำสอนของตนมาแพร่ไปทั่งกรุงเยรูซาเล็ม และต้องการให้โลหิตของคนคนนี้ตกอยู่กับเรา” (ข้อ 28) เพราะอัครสาวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปโตรตำหนิพวกเขา เปโตรและยอห์นตำหนิพวกผู้นำ สมณะที่ได้ฆ่าพระเยซูคริสต์

         แล้วเปโตรพร้อมกับบรรดาอัครสาวกก็ตอบด้วยเรื่องนั้น “เราต้องนบนอบพระเจ้า เรานบนอบต่อพระเจ้า ที่ท่านก็ทำผิดเพราะเรื่องนี้” (เทียบ กจ. 5: 29-31) แล้วเขาก็ตำหนิ แต่ด้วยความกล้าหาญจนทำให้ผู้คนแปลกใจ “แต่ว่าชายคนนี้ไม่ใช่ ชื่อ เปโตรที่ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ดอกหรือ? เปโตรที่เคยเป็นคนขี้กลัวและก็ขี้ขลาดด้วยไม่ใช่หรือ? เขามาที่นี้ได้อย่างไร?”  แล้วเขาก็จบลงด้วยการกล่าวว่า “เราเป็นประจักษ์พยานต่อสิ่งเหล่านั้น และเป็นพระจิตที่พระเจ้าทรงประทานให้กับผู้ที่เชื่อฟังพระองค์” เทียบ ข้อ 32)  เปโตรใช้วิธีใดที่มาถึงจุดนี้ได้ ที่กลายเป็นคนกล้าหาญ แล้วเปิดเผยตัวเอง?  ด้วยความจริงเปโตรสามารถที่จะออมชอมแล้วพูดกับสมณะว่า “ใจเย็นๆ เราจะไป เราจะไปพูดที่อื่นด้วยเสียงเบาๆ เราจะไม่กล่าวหาท่านในที่สาธารณะ แต่ท่านต้องไม่มายุ่งกับเรา…” แล้วเราก็ออมชอมกันได้ แต่เปโตรก็ไม่ทำเช่นนั้น

         พระศาสนจักรต้องทำเช่นนี้หลายครั้งในประวัติศาสตร์เพื่อที่จะช่วยประชากรของพระเจ้าให้รอด  หลายครั้งพระศาสนจักรทำเช่นนี้เพื่อช่วยตนเองให้รอด  แต่ไม่ใช่ช่วยพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นการช่วยผู้นำ การออมชอมอาจเป็นสิ่งดีหรือชั่วก็ได้ ทว่าพวกเขาสามารถที่จะได้เป็นอิสระจากการออมชอมได้จริงหรือ? ไม่เลย! เปโตรกล่าวว่า “ไม่มีการออมชอม ท่านเป็นคนผิด” (เทียบ ข้อ 30) จากนั้นเปโตรก็พูดออกมาด้วยความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวฝ่ายตรงข้าม

         ทว่า เปโตรมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน?  เพราะว่าท่านเป็นคนที่กระตือรือร้น เป็นบุตตลที่รักใครแล้วรักจริง และก็เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆด้วย แต่ท่านเป็นคนที่เปิดใจให้กับพระเจ้าจนกระทั่งว่าพระเจ้าทรงเผยให้ท่านทราบว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า  แต่หลังจากนั้นไม่ช้า ทันทีทันใด ท่านเองก็พลาด ปล่อยให้ตนแพ้ต่อการล่อลวงที่พูดกับพระเยซูคริสต์ว่า “ไม่เลย ไม่เลย พระอาจารย์ ไม่ใช่ทางนี้ ให้เราไปอีกทางหนึ่ง”  การไถ่กู้โดยปราศจากไม้กางเขนเป็นไปไม่ได้ แล้วพระเยซูคริสต์ก็ทรงตรัสกับเปโตรว่า “ซาตาน” (เทียบ มก. 8: 31-33) เปโตรที่ผ่านจากการถูกล่อลวงสู่พระหรรษทาน เปโตรที่สามารถคุกเข่าต่อหน้าพระอาจารย์พร้อมกับกล่าวว่า “โปรดเสด็จไปจากข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” (เทียบ ลก. 5: 8) และจากนั้นก็เป็นเปโตรที่พยายามเดินผ่านโดยไม่มีใครเห็น แล้วเปโตรก็ปฏิเสธพระเยซูอีกเพื่อหลีกเลี่ยงเอาตัวรอดไม่ต้องติดคุก (เทียบ ลก. 22: 54-62) เขาคนนั้นนั่นแหละ คือ เปโตรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาเป็นคนที่ใจกว้างมาก แต่ก็เป็นคนที่อ่อนแอด้วย ความลับนั้นคืออะไร อะไรคือพลังที่ทำให้เปโตรมาถึงจุดเปลี่ยนชีวิตได้?  ประโยคหนึ่งที่พอจะช่วยให้พวกเราเข้าใจประเด็นนี้ได้  ก่อนที่พระเยซูคริสต์ทรงรับมหาทรมาน พระองค์ตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “พวกซาตานต้องการพวกท่าน เพื่อจะได้ปั่นหัวท่านเหมือนกับที่มันฝัดข้าวสาลี” แล้วพระองค์ตรัสกับเปโตรว่า “เราภาวนาสำหรับท่านเพื่อที่ท่านจะไม่เสียความเชื่อ” (ข้อ 32)  นี่คือความลับของเปโตร เป็นคำภาวนาของพระเยซูคริสต์  พระเยซูคริสต์อธิษฐานภาวนาสำหรับเปโตร เพื่อที่เขาจะไม่เสียความเชื่อและสามารถที่จะทำให้บรรดาพี่น้องยืนหยัดอยู่ในความเชื่อได้  พระเยซูคริสต์ทรงภาวนาสำหรับเปโตร

         และพระเยซูคริสต์ทรงทำอะไรบ้างกับเปโตร  พระองค์ก็ทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเช่นเดียวกันกับพวกเรา  พระเยซูคริสต์ทรงภาวนาสำหรับพวกเรา พระองค์อธิษฐานต่อพระบิดา พวกเรามักจะภาวนาต่อพระเยซูคริสต์ ขอพระองค์ประทานพระหรรษทาน โดยพระหรรษทานนั้นพระองค์ทรงช่วยพวกเรา แต่พวกเรามักละเลย ไม่ใส่ใจพิศเพ่งพระเยซูคริสต์ที่ทรงทำให้พระบิดาเห็นบาดแผลของพระองค์ในการวิงวอนเพื่อพวกเรา พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อพวกเรา  แล้วเปโตรกสามารถเดินไปตามเส้นทางนี้โดยตลอด จากการเป็นคนขลาดกลับกลายเป็นคนกล้าหาญด้วยของขวัญอันประเสริฐของพระจิต  ขอบคุณสำหรับคำภาวนาของพระเยซูคริสต์

         ขอให้พวกเราคิดเรื่องนี้สักนิด ให้พวกเราหันกลับไปหาพระเยซูคริสต์ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงภาวนาสำหรับพวกเรา พระองค์ทรงภาวนาสำหรับพวกเราแต่ละคน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้วิงวอน พระเยซูคริสต์ทรงยอมรับบาดแผลทั้งหมดไว้กับพระองค์เพื่อให้พระบิดาทรงทอพระเนตร  นี่แหละเป็นราคาค่างวดแห่งการไถ่กู้ พวกเราต้องมีความไว้วางใจมากขึ้นในคำภาวนาของพวกเราและของพระเยซูคริสต์   “ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดภาวนาเพื่อลูกด้วย”  พระเยซูตรัสตอบ “แต่เราเองเป็นพระเจ้า เราสามารถประทานให้ท่านได้…”  “ใช่แล้วพระเจ้าข้า แต่ได้โปรดภาวนาสำหรับลูกด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้วิงวอน”  และนี่คือความลับของเปโตร “เปโตร เราจะภาวนาสำหรับท่านเพื่อทีท่านจะไม่เสียความเชื่อ” (ลก. 22: 32)

         ขอพระเยซูคริสต์ทรงสอนพวกเราให้รู้จักวิงวอนขอพระหรรษทานที่จะสวดภาวนาสำหรับพวกเราแต่ละคน

         สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงจบพิธีมิสซาด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชิญบรรดาสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

         ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกขอกราบลง ณ แทบพระบาทของพระองค์ ลูกขอมอบการเป็นทุกข์ถึงบาปจากใจจริงของลูก ดวงใจที่มัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องอันไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์พระองค์  ลูกขอกราบนมัสการพระองค์ในศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระองค์ ในขณะที่กำลังรอที่จะรับความสุขแห่งศีลมหาสนิท ลูกปรารถนาที่จะรับพระองค์ทางจิตวิญญาณ  ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดเสด็จมายังลูกเพื่อลูกจะได้เข้าไปหาพระองค์  ขอให้ความรักของพระองค์จงเผาตัวลูกทั้งในชีวิตและในความตาย ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกไว้ใจในพระองค์ ลูกรักพระองค์ อาแมน

Regina caeli laetare, alleluia.

Quia quem meruisti portare, alleluia.

Resurrexit, sicut dixit, alleluia.

Ora pro nobis Deum, alleluia.

(Christ, whom you bore in your womb, alleluia,

Has risen, as He promised, alleluia.

Pray for us to the Lord, alleluia).

(ราชินีสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด อัลเลลูยา

เพราะพระองค์ที่พระแม่อุ้มไว้ในครรภ์ อัลเลลูยา

ได้ทรงกลับเป็นขึ้นมาตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ อัลเลลูยา

โปรดภาวนาต่อพระองค์เพื่อลูกด้วยเทอญ อัลเลลูยา)

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์นี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)