บทเทศน์วันจันทร์ที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2020
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า “การสวดภาวนาเป็นการเปิดประตู”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับนักการเมืองท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
การอธิษฐานภาวนาคือสิ่งที่จะเปิดประตู
ตามสำนักข่าววาติกันสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำประเด็นนี้ในบทเทศน์ของพระองค์วันนี้ ในระหว่างพิธีมิสซาส่วนพระองค์ ณ วัดน้อยภายในสถานพำนักซางตามาร์ธา พระองค์ทรงไตร่ตรองถึงพระวรสารโดยนักบุญยอห์น (ยน. 21: 1-14)
เริ่มพิธีพระสัตะปาปาทรงระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของไวรัสโคโรนา พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับนักการเมืองในช่วงวิกฤตแห่งโควิด-19
“วันนี้ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนา สำหรับพี่น้องชายหญิงที่มีกระแสเรียกทางการเมือง การเมืองที่ดีคือรูปแบบสูงส่งแห่งความรักเมตตา”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังอธิษฐานภาวนาให้พรรคการเมืองแต่ละพรรค “ร่วมกันแสวงหาความดีประโยชน์สุขส่วนรวมของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่มุ่งแต่ผลประโยชน์แห่งพรรคของตนเอง”
ในบทเทศน์สมเด็จพระสันตะปาปาทรงไตร่ตรองถึงความสำคัญของการสวดภาวนา และปล่อยให้องค์พระจิตทรงกระทำการช่วยเหลือในชีวิตของพวกเรา
เมื่อศิษย์เกิดมีความหวาดกลัวในการที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากจนต้องขังตนเองอยู่ในห้องปิดประตูลงกลอน “โดยไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
พวกเขาหันไปพึ่งพระเยซูคริสต์ เปิดใจของแต่ละคนให้กับพระองค์ แล้วพระจิตก็เสด็จลงมาประทานสิ่งที่พวกเขาต้องการ จากนั้นพวกเขาจึงออกไปเทศนาด้วยความกล้าหาญโดยไม่ยำเกรงสิ่งใด”
เมื่อคิดว่าพวกเราจะต้องเริ่มต้นใหม่อย่างไรกับพระเยซูคริสต์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสขอร้องให้พวกเราหันกลับไปสวดภาวนา
“การสวดภาวนา” เป็นสิ่งที่พวกเราต้องกระทำเพื่อเริ่มต้นใหม่ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำเติอนใจสัตบุรุษ
“การสวดภาวนาเป็นการเปิดประตูสู่พระจิต และองค์พระจิตทำให้พวกเราเป็นอิสระ มีความกล้าหาญ เป็นความกล้าหาญของพระจิตที่พวกเราจะไม่มีวันรู้ว่าพระองค์จะทรงนำพวกเราไปในทิศทางใด แต่ผู้ที่ชี้นำพวกเราจะเป็นพระจิตอย่างแน่นอน”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงสรุปด้วยการอธิษฐานภาวนา “ขอให้พระเยซูคริสต์าทรงช่วยให้พวกเราได้เปิดใจสู่พระจิตเสมอ เพราะว่ามีแต่พระองค์เท่านั้นที่จะพยุงพวกเราเราให้ก้าวไปข้างหน้าในชีวิตแห่งการรับใช้พระเยซูคริสต์”
บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)
ชายผู้นี้ทีชื่อนิโกเดมุสเป็นผู้ปกครองของชาวยิว และเป็นผู้ที่มีอำนาจ เขารู้สึกจำเป็นที่ต้องไปพบพระเยซูคริสต์ เขาไปเวลากลางคืนเพราะเขาต้องมีความสมดุลบางอย่าง เนื่องจากคนที่ไปพูดกับพระเยซูคริสต์นั้น ผู้คนมักจะไม่ชมชอบ เขาเป็นชาวฟาริสีที่มีความซื่อตรง เพราะไม่ใช่ฟาริสีทุกคนจะชั่วร้ายไปทั้งหมดก็หาไม่ ไม่เลย ยังมีชาวฟาริสีที่เป็นคนชอบธรรมด้วย และชายคนนี้ นิโกเดมุสเป็นฟาริสีที่มีความชอบธรรม เขารู้สึกร้อนอกร้อนใจเพราะเขาอ่านหนังสือของประกาศก และรับรู้ว่าบรรดาประกาศกประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงกระทำอะไรบ้าง เขารู้สึกไม่สบายใจจึงได้หาโอกาสไปสนทนากับพระเยซูคริสต์ “โอ้ ท่านรับไบ ข้าพเจ้าทราบว่าท่านเป็นผู้สอนที่มาจากพระเจ้า” ในมุมมองหนึ่งนี่เป็นการสารภาพ “ไม่มีผู้ใดสามารถทำเครื่องหมายที่ท่านกระทำได้ นอกจากว่าพระเจ้าจะทรงประทับอยู่กับบุคคลผู้นั้น” แล้วเขาก็หยุด เขาหยุดก่อนที่จะกล่าวว่า “เพราะฉะนั้น” แล้วพระเยซูคริสต์ก็ทรงตอบอย่างลึกล้ำ ซึ่งนิโกเดมุสก็ไม่ได้คาดฝัน พระองค์ทรงตอบด้วยภาพพจน์แห่งการเกิดใหม่ หากผู้ใดไม่ได้เกิดจากเบื้องบน ผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้ นิโกเดมุสรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจจึงย้อนคำตอบของพระเยซูคริสต์ตามลายลักษณ์อักษร แต่คนเราจะเกิดได้อย่างไรเมื่อเขาเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพื่อที่จะเกิดใหม่จากเบื้องบน เพื่อที่จะเกิดจากพระจิตเป็นการเปลี่ยนความเชื่อที่นิโกเดมุสต้องทำแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพราะว่าพระจิตนั้นก็เอาแน่ไม่ได้ คำจำกัดความของพระจิตที่พระเยซูคริสต์ให้ไว้นี้เป็นเรื่องน่าสนใจ “ลมพัดเพไปตามที่กระแสลมต้องการ และเมื่อท่านได้ยินเสียงลม แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนหรือกระแสลมจะพัดไปทางไหน ดังนั้นจึงเป็นเช่นนี้สำหรับทุกคนที่เกิดจากพระจิต” กล่าวคือเป็นอิสระ เป็นบุคคลท่ายอมให้พระจิตนำจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง นี่คือเสรีภาพของพระจิต และผู้ใดเล่าที่ทำเช่นนี้ได้ ผู้นั้นก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย อ่อนน้อม และตรงนี้พวกเราพูดถึงการเป็นบุคคลที่ว่านอนสอนง่ายต่อองค์พระจิต
การเป็นคริสตชนไม่ใช่เพียงแต่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติเท่านั้น ใช่ พวกเราต้องทำเช่นนั้น แต่หากท่านหยุดเพียงแค่นั้นท่านก็ไม่ใช่คริสตชนที่ดี เพื่อที่จะเป็นคริสตชนที่ดีพวกเราต้องยอมให้พระจิตเข้ามาสถิตในตัวพวกเราและเป็นผู้ชี้นำทางพวกเรา นำหน้าพวกเราไปในหนทางที่พระองค์ทรงประสงค์ หลายครั้งในชีวิตจริงพวกเราหยุดเฉกเช่นนิโกเดมุสท่ามกลาง คำว่า “เพราะฉะนั้น” พวกเราไม่ทราบว่าต้องเลือกเดินทางไหน หรือพวกเราไม่มีความไว้วางใจในพระเจ้าที่ให้พวกเราเดินทางนี้ และขอให้พระจิตเสด็จมาประทับอยู่ในตัวพวกเรา เพื่อจะเกิดใหม่ต้องยอมให้พระจิตเสด็จเข้ามาประทับอยู่ในตัวพวกเราพร้อมกับให้พระจิตเป็นผู้นำทางพวกเราอย่างอิสระเสรี ซึ่งเป็นเสรีภาพของพระจิตซึ่งพวกเราไม่ทราบว่าทิศทางชีวิตจะลงเอยที่ใด
เมื่อพระจิตเจ้าเสด็จลงมาบรรดาอัครสาวกที่อยู่ในห้องชั้นบนต่างก็ออกไปเทศนาด้วยความกล้าหาญ… ซึ่งพวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ แล้วพวกเขาก็กระทำไปเพราะว่าพระจิตทรงชี้นำพวกเขา คริสตชนต้องไม่หยุดนิ่งเพียงแค่ปฏิบัติตามพระบัญญัติเท่านั้น ใช่ พวกเขาต้องปฏิบัติ แต่ต้องดำเนินชีวิตให้เลยไปกว่านั้นสู่การเกิดใหม่นี้ซึ่งเป็นการเกิดในองค์พระจิต ซึ่งทำให้พวกเรามีอิสรภาพในพระองค์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับชุมชนคริสตชนในบทอ่านที่หนึ่ง หลังจากที่ยอห์นและเปโตรกลับจากการถูกไต่สวนจากบรรดาสมณะ เขาทั้งสองกลับไปยังบรรดาพี่น้องในชุมชนนี้พร้อมกับเล่าเรื่องที่พวกเขาพูดกับหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโส เมื่อชุมชนได้ฟังเรื่องเหล่านี้แล้ว ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว แล้วพวกเขาทำอะไร? พวกเขาสวดภาวนาอย่างหนักหน่วง พวกเขาไม่หยุดแค่เพียงมีมาตรการที่ใช้ความฉลาดทางปัญญา “ไม่เลย ณ เวลานี้พวกเราต้องทำเช่นนี้ คือพวกเราต้องใจเย็น… “พวกคริสตชนสวดภาวนาด้วยความไว้ใจ เพื่อที่พระจิตจะได้ตรัสกับพวกเขาว่าพวกเขาต้องทำอย่างไรในเวลาที่มืดมนนั้น ในเวลาที่พวกเขาต้องทำการตัดสินใจ และไม่ทราบว่าต้องทำเช่นไร พวกเขาต้องการที่จะเกิดใหม่จากพระจิต พวกเขาเปิดใจให้กับพระจิตเพื่อที่พระองค์จะได้ตรัสกับพวกเขา พวกเขาวิงวอนว่า “ข้าแต่พระเจ้า ทั้งเฮร็อด ปองซีโอปีลาโต พร้อมกับชาติต่างๆและอิสราเอลผูกมิตรกันต่อต้านพระจิตและพระเยซูคริสต์” พวกเขาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์โดยวิงวอนว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทำอะไรสักอย่าง ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ขอให้พระองค์ทอดพระเนตรไปยังการข่มขู่ของพวกเขา” ซึ่งได้แก่สมณะกลุ่มนั้น “โปรดประทานให้ข้ารับใช้ของพระองค์กล่าวพระวาจาของพระองค์ด้วยความกล้าหาญด้วยเถิด” พวกเขาวิงวอนขอความกล้าหาญ ความกล้าที่จะไม่เกรงกลัวผู้ใด “ในขณะที่พระองค์ทรงกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกเพื่อที่จะเยียวยารักษา มีการทำเครื่องหมายอัศจรรย์ภายใต้พระนามของพระเยซูคริสต์ ข้ารับใช้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” “และในขณะที่พวกเขากำลังอธิษฐานภาวนา ณ สถานที่พวกเขารวมตัวกันนั้นเกิดสั่นสะเทือน พวกเขาต่างเปี่ยมด้วยพระจิต และกล่าวพระวาจาของพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ” พระจิตเจ้าเสด็จมาครั้งที่สองเกิดขึ้นที่นี่
ท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากและการปิดประตูห้องลงกลอน เพราะไม่ทราบว่าจะทำกันอย่างไรต่อไป พวกเขาหันหน้าไปพึ่งพระเจ้า พวกเขาเปิดใจออกแล้วพระจิตก็เสด็จมาประทานสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาจึงออกไปทำการเทศนาด้วยความกล้าหาญ นี่คือการเกิดใหม่ในพระจิต นี่ไม่ใช่เป็นการหยุดแค่ “เพราะฉะนั้น ทำอะไรต่อดี” สิ่งต่างๆที่พวกเราเคยกระทำอยู่เสมอ หยุดอยู่นิ่ง “เพราะฉะนั้น” กับการปฏิบัติตามพระบัญญัติ หยุดเพียงแค่ “เพราะฉะนั้น” หลังจากที่ถวายตัวแล้ว ไม่เลย!! นี่ต้องเป็นการเกิดใหม่ แล้วพวกเราเตรียมตัวเพื่อการเกิดใหม่อย่างไร? ด้วยการสวดภาวนา – การสวดภาวนาคือการเปิดประตูสู่พระจิตและทำให้เราเป็นอิสระ มีความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใดด้วยอำนาจของพระจิต ซึ่งพวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะทรงนำทางพวกเราไปในที่ใด แต่จะเป็นพระจิตที่ทรงนำหน้าพวกเราอย่างแน่นอน
ขอพระเจ้าโปรดช่วยพวกเราให้เปิดใจสู่พระจิตเสมอ เพราะเป็นพระองค์จะทรงนำพวกเราให้ก้าวไปข้างหน้าในชีวิตแห่งการรับใช้ของพวกเราต่อพระเจ้า
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจบพิธีมิสซาด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับทรงเชื้อเชิญสัตบุรุษให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ต่อไปนี้เป็นบทภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกขอกราบลง ณ แทบพระบาทของพระองค์ ลูกขอมอบการเป็นทุกข์ถึงบาปจากใจจริงของลูก ดวงใจที่มัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่องอันไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ ลูกขอกราบนมัสการพระองค์ในศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระองค์ ในขณะที่กำลังรอที่จะรับความสุขแห่งศีลมหาสนิท ลูกปรารถนาที่จะรับพระองค์ทางจิตวิญญาณ ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดเสด็จมายังลูกเพื่อลูกจะได้เข้าไปหาพระองค์ ขอให้ความรักของพระองค์จงเผาตัวลูกทั้งในชีวิตและในความตาย ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกไว้ใจในพระองค์ ลูกรักพระองค์ อาแมน
ก่อนออกจากวัดน้อยซึ่งยกถวายให้กับพระจิต ได้มีการขับร้องเพลงแม่พระที่ใช้มาเก่าแก่โบราณ คือบท “Regina Caeli” ซึ่งนิยมขับร้องกันในเทศกาลปัสกา
Regina caeli laetare, alleluia.
Quia quem meruisti portare, alleluia.
Resurrexit, sicut dixit, alleluia.
Ora pro nobis Deum, alleluia.
(Christ, whom you bore in your womb, alleluia,
Has risen, as He promised, alleluia.
Pray for us to the Lord, alleluia).
(ราชินีสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด อัลเลลูยา
เพราะพระองค์ที่พระแม่อุ้มไว้ในครรภ์ อัลเลลูยา
ได้ทรงกลับเป็นขึ้นมาตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ อัลเลลูยา
โปรดภาวนาต่อพระองค์เพื่อลูกด้วยเทอญ อัลเลลูยา)
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์นี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สาส์น “เพื่อวันแห่งพันธกิจประกาศข่าวดีสากล” ค.ศ. 2020 หรือพวกเราเคยเรียก “วันมิสซัง” Message 2020: WORLD MISSION DAY
- สมเด็จพระสันตะปาปาในคืนคริสต์มาส: พระเยซูเจ้าทรงแสดงทางจากความเล็กน้อยไปสู่ความยิ่งใหญ่
- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- สมณลิขิตในรูปแบบพระสมณอัตตาณัติ (Motu Proprio) ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส “ANTIQUUM MINISTERIUM”
- ส่งตัวแทนเยาวชนเชียงใหม่ร่วมงาน Asian Youth Day 2014