Skip to content

ภาวนาสำหรับผู้ที่ได้รับโทษอย่างไม่เป็นธรรม

ณ วัดน้อยนักบุญมาร์ธา นครรัฐวาติกัน ข่าวทั่วโลกวันนี้ พระคาร์ดินัลจอร์จ เพล นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียที่ศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องคดีล่วงละเมิดฯ ซึ่งเตือนใจพวกเราว่า “ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับเราแต่ละคน”

“ไม่มีผู้ใดในพวกเราที่เข้ามาอยู่ในโลกนี้โดยบังเอิญ… แต่จากครรภ์มารดาที่พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับเราแล้ว…”

จากสำนักข่าววาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำเรื่องนี้ วันอังคารที่ 7 เมษายน ในช่วงที่ประกอบพิธีมิสซาส่วนพระองค์ที่ วัดน้อยซางตา มาร์ธา บทอ่านของวันอังคารสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเริ่มมิสซา พระสันตะปาปาขอให้ร่วมใจรำลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) และทรงภาวนาสำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์เพราะคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรม

“วันนี้พ่อประสงค์ที่จะภาวนาสำหรับทุกคนที่ได้รับทุกข์จากการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเพราะการเบียดเบียน”

พระองค์ตรัสว่าพระเยซูคริสต์ถูกหมายหัวจากพวกนักกฎหมายทั้งๆที่พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์

เมื่อไตร่ตรองถึงคำทำนายของประกาศกอิสยาห์ (อสย. 49: 1-6) เกี่ยวกับพระผู้ไถ่และประชากรของพระเจ้า พระองค์ทรง “เลือก” เราแต่ละคนเพื่อพันธกิจพิเศษ

“พระเจ้าทรงเลือกประกาศกก่อนที่ตัวเขาจะเกิดเสียอีก” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสโดยชี้ให้เห็นว่า “ในทำนองเดียวกันเราแต่ละคนถูกเลือกให้มีกระแสเรียกรับใช้จากครรภ์มารดาของพวกเรา  ไม่มีผู้ใดล่วงหล่นเข้ามาอยู่ในโลกนี้โดยบังเอิญ”

พระองค์ตรัสว่าเราแต่ละคนมีเป้าหมายที่เป็นอิสระ “เป้าหมายคือการเลือกของพระเจ้า ฉันเกิดมาโดยถูกเลือกให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าพร้อมกับภารกิจของการรับใช้”

เราทุกคนไม่ว่าโดยวิธีใดวิธีหนึ่งถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้ และให้ดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกของพวกเราในวิถีที่เล็กเรียบง่าย แต่ว่ามีความสำคัญสำหรับเรา

“ยกเว้นแม่พระและพระเยซูคริสต์” พระสันตะปาปาเน้น ขอให้ยอมรับ “พวกเราทุกคนทำบาป” ตัวอย่างของเปโตร คือแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจ โดยเตือนใจว่าเมื่อเปโตรได้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์และได้ยินไก่ขัน ท่านก็ร่ำไห้เสียใจ (มธ. 26: 75) 

“นี่คือหนทางของผู้รับใช้ซึ่งขออภัยเมือ่เขาทำผิด”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเสียพระทัย ขณะที่ไตร่ตรองถึง ฐานะผู้รับใช้ทำไมไม่สามารถเข้าใจว่าตนเองได้ทำบาป ปล่อยให้หัวใจตนเปิดกว้างสู่ตัณหาซึ่งนำไปสู่การเคารพรูปบูชาเท็จเทียม “เฉกเช่นยูดาส” พระองค์ตรัส “เพราะว่าเขาเปิดหัวใจให้กับซาตาน”

พระองค์ทรงจบบทเทศน์ด้วยการเชื้อเชิญสัตบุรุษให้คิดถึงพระเยซูคริสต์ผู้ทรงซื่อสัตย์ในการรับใช้ มิใช่คอยตักตวงผลประโยชน์จากตำแหน่งในพระศาสนจักร”

เฉกเช่นนักบุญเปโตร ขอให้พวกเราเสียใจร้องไห้เมื่อพวกเราได้กระทำบาป

ก่อนจบสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเตือนบรรดาสัตบุรุษให้มีส่วนร่วมในความเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยจิตใจในเวลาแห่งความยุ่งยากลำบากนี้ และลงท้ายด้วยการอวยพรศีลมหาสนิท

ต่อไปนี้เป็นพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาพร้อมบทภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันทางจิตใจ

ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกขอกราบลง ณ แทบพระบาทาของพระองค์ ลูกขอมอบการเป็นทุกข์ถึงบาปแด่พระองค์ด้วยความเสียใจจริงจากหัวใจของลูกซึ่งมัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งที่ไร้ค่าเรื่องราวไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์  ลูกขอนมัสการพระองค์ในศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระองค์  ลูกปรารถนาที่จะรับพระองค์  ในขณะที่รอความสุขแห่งศีลมหาสนิทลูกปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับพระองค์ทางจิต  ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดเสด็จมายังลูกเพื่อว่าลูกจะเข้าไปหาพระองค์  ขอให้ความรักของพระองค์เผาไหม้ตัวลูกทั้งในชีวิตและในความตาย  ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกไว้วางใจในพระองค์ ลูกรักพระองค์  อาแมน

บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฉบับเต็ม)

คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ที่พวกเราได้ฟังวันนี้เป็นคำทำนายเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ ยังเป็นคำทำนายเกี่ยวกับชนชาติอิสราเอล เกี่ยวกับประชากรของพระเจ้าด้วย  แต่พวกเราอาจสงสัยว่าคำทำนายนี้เกี่ยวกับกับเราแต่ละคนอย่างไร? โดยเนื้อแท้แล้วคำทำนายเน้นว่าพระเจ้าทรงเลือกผู้รับใช้ของพระองค์ตั้งแต่แรก ตั้งแต่เกิด รวมถึงเราแต่ละคนด้วย  ไม่มีใครในพวกเราที่ล่วงหล่นเข้ามาในโลกนี้โดยบังเอิญ  แต่ละคนล้วนมีเป้าหมาย เป็นเป้าหมายชีวิตที่เป็นอิสระ เป็นเป้าหมายที่พระเจ้าทรงเลือก   ตัวฉันเกิดมาพร้อมกับเป้าหมายที่เป็นบุตรของพระเจ้า เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า มีหน้าที่จะรับใช้ ที่จะสร้างสรรค์ และเป้าหมายนี้ตั้งแต่ในครรภ์มารดาเลยทีเดียว

        พระเยซูคริสต์ผู้รับใช้ของพระเจ้า ทรงรับใช้จนกระทั่งสินพระชนม์  ซึ่งดูเหมือนเป็นการแพ้ แต่ว่านี่คือหนทางแห่งการรับใช้ และนี่ชี้ให้เห็นถึงหนทางแห่งการรับใช้ว่าพวกเราต้องเดินตามเส้นทางนี้ในชีวิตของพวกเรา  ต้องรับใช้ ต้องอุทิศตนเอง ต้องมอบตนเองให้กับผู้อื่น  ต้องรับใช้จนถึงที่สุดโดยไม่ใช่หวังผลประโยชน์อื่นใด เพราะถ้าหวังประโยชน์นั่นไม่ใช่การรับใช้  การรับใช้เป็นชัยชนะ และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูคริสต์คือการับใช้ จนกระทั่งทำตัวพระองค์เองเป็นผู้ว่างเปล่าจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ และเป็นการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (เทียบ ฟป. 2:8) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้รับใช้ของชนชาติอิสราเอล ประชากรของพระเจ้าก็เป็นผู้รับใช้ และเมื่อประชาชนเปลี่ยนทัศนคติจากการเป็นผู้รับใช้พระเจ้า พวกเขาจึงกลายเป็นผู้ที่หลงลืมพระเจ้าแท้จริงและไปหาสิ่งเท็จเทียม นี่แหละทำให้พวกเขาหลงทางจากกระแสเรียกที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้ และเมื่อถ้าพวกเราหลุดออกไปจากกระแสเรียกนี้ที่จะเป็นผู้รับใช้ พวกเราก็หลุดออกไปจากความรักของพระเจ้า แล้วก็สร้างชีวิตของเราด้วยความรักประเภทอื่น ซึ่งก็มักจะเป็นการเคารพพระเท็จเทียม

พระเจ้าทรงเลือกสรรเราตั้งแต่ที่พวกเรายังอยู่ในครรภ์มารดา ชีวิตของพวกเรามีความผิดพลาด เราแต่ละคนล้วนเป็นคนบาป สามารถทำบาป และก็ทำบาปอยู่เป็นบ่อยๆ  มีแต่เพียงแม่พระและพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ไม่เคยทำบาป ส่วนพวกเราทุกคนล้วนเคยทำผิด พวกเราเป็นคนบาป  ทว่าสิ่งที่สำคัญก็คือทัศนคติต่อพระเจ้าผู้ทรงเลือกตัวฉันและเจิมฉันให้เป็นผู้รับใช้  นี่เป็นทัศนคติลักษณะการมองของคนบาปซึ่งสามารถที่จะขออภัย เฉกเช่นเปโตรซึ่งสาบานว่า

“พระอาจารย์ ข้าพเจ้าไม่มีวันที่จะปฏิเสธพระองค์อีก แล้วเมื่อไก่ขัน เขาก็ร่ำไห้ เขาเสียใจ (เทียบ มธ. 26: 75) นี่คือหนทางแห่งผู้รับใช้ เมื่อเขาทำผิดพลาด เขาหกล้ม เขารู้จักขออภัย  ตรงกันข้ามเมื่อผู้รับใช้ไม่สามารถที่จะเข้าใจว่าตนเองผิดพลาดไป เมื่อนั้นแหละตัณหเข้าามาเกาะกินหัวใจของเขานำสู่การเคารพรูปบูชาสิ่งเท็จเทียม เขาเปิดใจของตนให้กับซาตาน เขาย่างเข้ามายามค่ำคืน แบบเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับยูดาส (เทียบ มธ. 27: 3-10)

วันนี้พวกเราคิดถึงพระเยซูคริสต์ฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในการรับใช้ กระแสเรียกของพระองค์คือการรัใช้จนกระทั่งตายและเป็นการตายบนไม้กางเขน (เทียบ ฟป. 2: 5-11) พวกเราคิดถึงแต่ละคนในพวกเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งประชากรของพระเจ้า เราคือคนรับใช้ กระแสเรียกของพวกเราก็เพื่อที่จะรับใช้ ไม่ใช่เพื่อแสวงผลประโยชน์จากตำแหน่งในพระศาสนจักร: ต้องเพื่อรับใช้ และรับใช้เสมอไป

สมเด็จพระสันตะปาปาจบพิธีด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทพร้อมกับเชื้อเชิญสัตบุรุษให้ร่วมเป็นจิตใจหนึ่งเดียวกัน

ต่อไปนี้เป็นคำภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปา

ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ลูกรับรู้ว่าพระองค์ทรงประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิทบนพระแท่น ลูกรักพระองค์เหนือสิ่งใดและลูกปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับพระองค์ให้มาประทับอยู่ในดวงใจของลูก เนื่องจากบัดนี้ลูกไม่สามารถที่จะรับพระองค์ได้ ลูกขอรับพระองค์ด้วยจิตวิญญาณ  เนื่องจากพระองค์เสด็จมาแล้ว ลูกขอสวมกอดพระองค์ และขอร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ โปรดอย่าให้ลูกพลัดพรากจากพระองค์ด้วยเทอญ อาแมน

ก่อนจากวัดน้อยซึ่งยกถวายให้กับองค์พระจิต มีการขับร้องบทเพลงแม่พระเก่าแก่ Ave Regina Caelorum

“ข้าแต่พระราชินีสวรรค์ พระราชินีแห่งทูตสวรรค์ ประตูและรากฐานแห่งความรอด โปรดนำแสงสว่างมาสู่โลก ข้าแต่พรหมจารีผู้ชื่นชมยินดี และทรงพระสิริรุ่งโรจน์และสวยงามยิ่งกว่าสตรีใดๆ ข้าแต่พระแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดวิงวอนพระเยซูคริสต์เพื่อพวกลูกด้วยเทอญ”

วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศ์ของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและไตร่ตรองเรื่องการถูกเลือกให้เป็นผู้รับใช้