Skip to content

ต้องมอบความยุติธรรมให้กับเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยบรรพชิต
โดย คุณพ่อฮานส์ โซลเนอร์ เอส. เจ.(Hans Zollner, SJ)

Fr Hans Zollner  (ANSA)

คุณพ่อฮานส์ โซลเนอร์ เอส. เจ. (Hans Zollner, SJ)ประธานศูนย์พิทักษ์คุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์แห่งมหาวิทยาลัยเกรโกเรียน(Pontifical Gregorian University)อธิบายถึงผลพวงเบื้องต้นที่ท่านสังเกตเห็นตั้งแต่ที่มีการประชุมเรื่อง “การปกป้องคุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์ในพระศาสนจักร”

บรรดาบิช็อปที่เข้าร่วมประชุมเรื่อง “การปกป้องคุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์ภายในพระศาสนจักร” เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้ว “ได้มีความคิดริเริ่มบางประการ คุณพ่อฮานส์ โซลเนอร์ เอส.เจ.ประธานศูนย์คุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าววาติกันท่านกล่าวว่าประมุขของพระศาสนจักร (บิช็อป) บางองค์ได้รื้อฟื้นหนังสือคู่มือเพื่อหาวิธี “ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ”

คุณพ่อโซลเนอร์อธิบายว่าบรรดาประธานสภาประมุขบาทหลวงคาทอลิกฯต่างก็ขอความช่วยเหลือจากศูนย์คุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์เกี่ยวกับการอบรมบุคคลากรของพระศาสนจักรในเขตศาสนปกครอง (มิสซัง) ของตนหลังจากที่หลายท่านต้องหลั่งน้ำตาเมื่อได้ฟังประจักษ์พยานของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดเพศ

ข้อไตร่ตรอง
        หลังการประชุมเมื่อวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 คุณพ่อฮานส์ โซลเนอร์ เอส. เจ. กล่าวว่าท่านเห็นและได้ยินประมุขแห่งเขตศาสนปกครองหลายองค์กำลังดำเนินการตามขั้นตอนท่านเหล่านั้นไม่เพียงแต่ “สื่อสารสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสามวันครึ่ง” ของการประชุมเท่านั้น แต่เริ่มลงมือจัดการทันที  ท่านกล่าวว่า “นี่เป็นผลที่มีความสำคัญมากที่สุดที่ข้าพเจ้าพึงจะหวังได้”  เพราะว่านี่เป็นการพิสูจน์ว่าบรรดาประธานสภาประมุขบาทหลวงคาทอลิกฯได้รับสาส์นแล้ว”ข้อคิดที่ต้องไตร่ตรอง หรือ แมสเซ็จ Message มีดังนี้ “ทำทุกอย่างที่ท่านสามารถเพื่อมอบความยุติธรรมให้กับเหยื่อ แล้วต้องรับฟังเหยื่อ” และกระทำทุกอย่างที่สามารถเพื่อสร้างหลักประกันเรื่องดังกล่าวต้องได้รับการนำไปปฏิบัติ “ในประเทศ ในเขตศาสนปกครอง (มิสซัง) และคณะของท่าน”

 

เสียงของเหยื่อและสื่อมวลชน
        คุณพ่อโซลเนอร์กล่าวถึงความสำคัญของเสียงร้องทั้งของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและสื่อสังคมโดยขอบคุณพวกเขาว่า “เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก/ผู้เยาว์ในพระศาสนจักรบัดนี้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทั่วโลก”

บัดนี้เราทราบว่านี่เป็นวาระของการอภิปรายกันในสภาประมุขบาทหลวงฯ บรรดาบิช็อป และคณะนักบวชต่างๆ  “ไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ได้อีกแล้ว” คพ. ฮานส์ย้ำว่าการที่สื่อคาทอลิกและสื่อทางโลกสนใจอย่างสม่ำเสมอในประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์  คุณพ่อโซลเนอร์กล่าวว่า นี่เป็นการสื่อสารอย่างชัดเจนว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านไปได้ง่ายๆและอย่างรวดเร็ว” ตรงกันข้ามคุณพ่อกล่าวว่า “สิ่งนี้จะคงอยู่กับเราและก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องเอาใจใส่อีกหลายปีหรืออาจเป็นทศวรรษ” ตามความเห็นของคุณพ่อนี่หมายความว่าพระศาสนจักรคาทอลิกในเวลาอันควรจะต้องพัฒนามาตรฐานสากลว่าจะต้องเขียนคู่มืออย่างไร จะต้องนำเอาไปปฏิบัติอย่างไร และจะต้องมีการศึกษาอบรมกันต่อไปอย่างไร

การขาดความเข้าใจในการตอบสนอง
        คุณพ่อโซลเนอร์ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการฟังผู้ที่ตกเป็นเหยื่อต่อไป คุณพ่ออธิบายว่าการรับฟังการเป็นประจักษ์พยานของพวกเหยื่อนั้น “ร้อนแรง ป่าเถื่อน และร้ายกาจอย่างที่สุด”  แต่ไม่ได้เกิดกับพวกเขาเท่านั้นที่เป็นเรื่องน่ากลัว  ตามความเห็นของคุณพ่อโซลเนอร์ นี่เป็นการขาดความเข้าใจและขาดความชัดเจนในกระบวนการตอบสนองกับข้อกล่าวหาที่ผู้ตกเป็นเหยื่อนำออกมาแสดงให้บรรดาบิช็อป  “ท่านสามารถได้ยินเสียงเข็มหมุดตกพื้นเมื่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเล่าเรื่องราวสลดให้ฟัง” คุณพ่อ โซลเนอร์กล่าว  ปฏิกิริยาทางอารมณ์และพลัง “ที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างสนิท” ในการฟังเสียงของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อนั้นมีความสำคัญมาก  คุณพ่อหวังว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะ “ช่วยให้เข้าใจจุดยืนของบรรดาผู้นำพระศาสนจักร” ในการ “คิดกันใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างของพระศาสนจักร และคิดกันใหม่ถึงความรับผิดชอบ” และสุดท้าย “คิดกันใหม่ถึง “การนำเอาหลักเกณฑ์มาใช้บังคับ”

 

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บข่าวคราวนี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)