สภาพของลูกล้างผลาญ “เปลี่ยนไปเพราะเขาสำนึกตนเองและยอมรับว่าตนได้ทำผิด เขายอมรับสารภาพต่อบิดาของเขา เขาพูดอย่างเปิดเผย และพร้อมที่จะรับผลตามมา” ประธานสภาประมุขบาทหลวงคาทอลิกแห่งประเทศกานาเตือนใจที่ประชุมสุดยอด
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019
อาร์คบิช็อปตาเมล ฟิลิป นาอาเมห์ (Tamale Philip Naameh)ประธานสภาประมุขบาทหลวงคาทอลิกแห่งประเทศกานาเป็นผู้เทศน์ในวจนพิธีกรรมอภัยบาป เวลา 17.30 น. ใน “Sala Regia”ในวันที่สามแห่งการประชุมซัมมิตเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์ในพระศาสนจักรซึ่งมีการประชุมกันระหว่างวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ 2019 ต่อไปนี้เป็นเนื้อหาของบทเทศน์ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าววาติกัน
***
พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
เราทราบพระวรสารเรื่องลูกล้างผลาญกันดี เราได้ยินเล่ากันบ่อยและมีการเทศน์กันบ่อยเป็นที่รู้กันอยู่ในคณะและชุมชนของเราว่าเป็นการพูดกับคนบาปเพื่อสนับสนุนให้เขาเสียใจในความผิด บางทีเราเคยทำสิ่งนี้จนเคยชินจนลืมบางสิ่งที่มีความสำคัญเราลืมที่จะนำพระคัมภีร์ ตอนนี้มาใช้กับชีวิตของเราเอง เพื่อที่จะมองเราอย่างที่เราเป็น คือในฐานะที่เราเป็นลูกล้างผลาญ
เฉกเช่นลูกล้างผลาญในพระวรสารเราเรียกร้องมรดกของเรา เราได้รับสิ่งประเสริฐมาแล้วเราก็เอาแต่ผลาญไปจนหมดสิ้น วิกฤตการณ์ของการล่วงละเมิดทางเพศในปัจจุบันเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงเรื่องนี้ พระเจ้าทรงมอบมอบให้เราบริหารจัดการแต่สิ่งที่ดีๆแห่งความรอด พระองค์หวังว่าเราคงจะปฏิบัติพันธกิจของเราให้ลุล่วงไป คือประกาศพระวรสารและช่วยกันเสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่เรามัวแต่ทำอะไรกัน? เราสร้างความยุติธรรมให้กับสิ่งที่มอบให้เราหรือเปล่า? เราคงจะไม่สามารถตอบคำถามนี้ว่าใช่อย่างจริงใจโดยมิต้องสงสัย บ่อยครั้งเรามัวแต่ปิดปาก มองไปอีกทิศทางหนึ่ง หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เราขี้ขลาดเกินไปที่จะเผชิญกับด้านมืดของพระศาสนจักร เราผลาญความไว้เนื้อเชื่อใจที่มอบให้กับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการล่วงละเมิดที่อยู่ในความรับผิดชอบของพระศาสนจักรซึ่งที่แท้แล้วก็เป็นความรับผิดชอบของเรา เราไม่ได้ให้ความคุ้มครองประชาชนที่พวกเขาสมควรจะได้รับ เราทำลายความหวัง ผู้คนจำนวนมากถูกล่วงละเมิดทั้งกายและวิญญาณ
ลูกล้างผลาญในพระวรสารสูญเสียทุกอย่าง ไม่เพียงแต่มรดกของเขาเท่านั้น แต่สถานะทางสังคม ตำแหน่ง และชื่อเสียงของเขาก็เสียไปด้วย เราไม่ควรแปลกใจถ้าเราตกไปในชะตาเดียวกัน ถ้าผู้คนเขาพากันนินทาเรา ถ้าพวกเขาไม่ไว้ใจเรา ถ้ามีใครบางคนขู่ที่จะไม่สนับสนุนด้านวัตถุแก่เรา เราไม่ควรบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตรงกันข้ามต้องถามตนเองว่า ฉันต้องทำอะไรที่จะต้องแตกต่างไปจากเดิม ไม่มีผู้ใดสามารถยกเว้นให้กับตนเองได้ ไม่มีใครสามารถที่จะพูดต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เรามีความเป็นพี่น้องกัน เรารับผิดชอบไม่ใช่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น แต่เพื่อสมาชิกทุกคนแห่งบรรดาพี่น้องของเราและสำหรับความเป็นพี่น้องกันโดยรวม
เราต้องทำอะไรที่แตกต่าง แล้วเราจะเริ่มที่ตรงจุดไหน? ให้เรามองไปยังลูกล้างผลาญในพระวรสารอีกครั้งหนึ่ง สำหรับเขาสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีเมื่อเขาตัดสินใจที่จะเป็นคนสุภาพถ่อมตน ที่จะกระทำเรื่องง่ายๆ และที่จะไม่เรียกร้องอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น สถานภาพของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันทีเมื่อเขามองเห็นตนเอง เขายอมรับว่าตนได้กระทำผิด เขาสารภาพผิดต่อบิดาของตน พูดอย่างเปิดเผย พร้อมที่จะรับโทษและผลที่ตามมา ด้วยวิธีนี้บิดาจึงมีความพอใจมากที่เห็นลูกกลับมาและบอกลูกชายคนโตให้ยอมรับน้องชายเช่นเดียวกัน
เราทำเช่นเดียวกันได้ไหม? เราพร้อมที่จะทำไหม? การประชุมที่เรากำลังทำกันอยู่นี้จะเผยให้เราเห็น ต้องเผยให้เราเห็นประเด็นนี้ หากเราต้องการที่จะแสดงว่าเราเป็นบุตรที่คู่ควรของพระเจ้าผู้เป็นบิดาสวรรค์ของเรา ดังที่เราได้ยินได้ฟังและมีการอภิปรายกันวันนี้และเมื่อสองวันที่ผ่านมาซึ่งหมายถึงความรับผิดชอบ แสดงความรับผิดชอบและมีความโปร่งใส
ถนนข้างหน้ายังอีกยาวไกลนักที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างในวิธีที่ถูกต้องและยั่งยืน เราพัฒนาขึ้นในหลายด้านในอัตราความเร็วช้าที่แตกต่างกัน การประชุมครั้งนี้เป็นเพียงก้าวหนึ่งในอีกหลายๆก้าว เราไม่ควรเชื่อว่าเพราะเราเริ่มที่จะทำการเปลี่ยนแปลงด้วยกันปัญหาต่างๆจะถูกขจัดไปจนหมดสิ้นทันที เฉกเช่นลูกล้างผลาญในพระวรสารที่กลับบ้านทุกอย่างยังไม่จบ อย่างน้อยเขาต้องเอาชนะใจพี่ชายของเขาให้ได้ เราควรทำเช่นเดียวกัน ชนะใจบรรดาพี่น้องของเราในคณะและในชุมชน นำเอาความไว้ใจของพวกเขาคืนมา สร้างความเต็มใจของพวกเขาที่จะร่วมมือกับเราเพื่อที่จะสรรสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้า
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์นี้มาเพื่อแบ่งปันและเพื่อการไตร่ตรองกลับใจ)