สมเด็จพระสันตะปาปาทรงวิงวอนให้สมาชิกครอบครัวโลก
ซึ่งประกอบด้วยนานาขาติมีพื้นฐานในความเป็นหนึ่งเดียวกัน
และในความเอื้ออาทรต่อคนอ่อนแอเปราะบางได้รับการคุ้มครอง

Pope Francis addressing authorities, members of the civil society and authorities at Dublin Castle, Ireland, August 25, 2018.  (AFP)

ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จไปเยือน ณ กรุงดับลินประเทศไอแลนด์ในโอกาส งานชุมนุมครอบครัวสากลพระองค์ทรงปราศรัยเมื่อวันเสาร์ ที่ 25 สิงหาคม ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ สังคมพลเรือน และคณะฑูตานุทูต

พระองค์ทรงเรียกร้องชุมชนโลกให้สร้างครอบครัวสากล ซึ่งประกอบด้วยนานาชาติ และประชากรทุกคนด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันและความเอื้ออาทรโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาพี่น้องชายหญิงที่อ่อนแอเปราะบางของเรา  ในขณะที่ทรงเรียกร้องให้มีการปกป้องคุ้มครองผู้ที่มีความเสี่ยงพระองค์ก็ทรงขอร้องให้หลีกเลี่ยง “การเป็นที่สะดุดอันน่ารังเกลียด” แห่งการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก/ผู้เยาว์โดยสมาชิกของพระศาสนจักรในประเทศไอแลนด์ว่าเป็น “อาชญากรรมที่น่าชังยิ่งนัก”

ในการเรียกร้องโดยคำปราศรัยดังกล่าวของพระองค์ต่อบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ สังคมพลเรือน และทูตานุทูตที่ “ดับลิน คาสเติ้ล”(Dublin Castle)ระหว่างการเสด็จเยือนกรุงดับลินสองวันซึ่งได้แก่วันเสาร์ที่ 25 และวันอาทิตย์ ที่ 26 สิงหาคม ในโอกาสที่มีงานชุมนุมครอบครัวสากล

ครอบครัว

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “ครอบครัวเป็นเหมือนกาวของสังคม  ความเป็นอยู่ สวัสดิการของครอบครัวนั้นมีความสำคัญที่สุด จึงต้องส่งเสริมและคุ้มครองด้วยมาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง”  จะต้องไม่มี “ความเกลียดชังกันระหว่างเชื้อชาติ ความขัดแย้งที่หาสาเหตุไม่ได้หรือการใช้ความรุนแรง การไม่เคารพศักดิ์ศรีและสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ และการแตกแยกที่ยิ่งวันยิ่งรุนแรงขึ้นระหว่างคนรวยและคนจนทุกอย่างต้องไม่ขัดแย้งต่อความหมายของโลกทั้งโลกในฐานะที่เป็นครอบครัวหนึ่งเดียวกัน  สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตรัสว่าเราไม่เคยสิ้นหวังหรือหมดความกล้าที่จะดำรงไว้ซึ่งศีลธรรม จริยธรรมอันดีงาม ที่จะเป็นผู้สร้างสันติสุขเป็นผู้ประนีประนอม และเป็นผู้ดูแลซึ่งกันและกัน

ข้อตกลง สนธิสัญญา ชื่อ “วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์Good Friday”

        พระองค์ทรงแสดงความชื่นชมเป็นพิเศษสำหรับข้อตกลง “วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์”ที่ลงนามสัญญากันไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างโปรเตสแตนต์และคาทอลิกในไอแลนด์เหนือและหวังว่าเราจะมี “อนาคตแห่งความสมานฉัน การคืนดี และการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน” มากยิ่งๆขึ้น

วัฒนธรรมที่ทิ้งๆขว้างๆ

        การเจริญเติบโตของวัตถุนิยมหรือ “วัฒนธรรมทิ้งขว้าง” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสให้ข้อสังเกตว่าความจริงแล้วสิ่งนี้ “ทำให้เรายิ่งวันยิ่งจะเฉยเมยต่อคนจนและสมาชิกแห่งครอบครัวมนุษย์ที่ไม่มีทางต่อสู้รวมถึงทารกที่ยังไม่เกิดซึ่งถูกละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตด้วยซ้ำไป”  “บางทีการท้าทายที่น่ากลัวที่สุดสำหรับทุกวันนี้น่าจะเป็นเรื่องวิกฤตการอพยพของผู้คนเป็นจำนวนมาก” ซึ่งพระองค์ทรงเรียกร้องให้เรามีปรีชาญาณ วิสัยทัศน์ที่กว้าง และมีความห่วงใยในเรื่องมนุษยธรรม ซึ่งต้องอยู่เหนือการตัดสินใจทางการเมืองระยะสั้น

การล่วงละเมิดต่อเด็ก/ผู้เยาว์

เมื่อพูดถึงการปกป้องคุ้มครองผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น สตรี ผู้เยาว์ และเด็กกำพร้า สมเด็จพระสันตะปาปาทรงยอมรับว่า “การเป็นที่สะดุดแสนสาหัส” ที่เกิดขึ้นในประเทศไอแลนด์โดยการล่วงละเมิดต่อเด็ก/ผู้เยาว์จากสมาชิกของพระศาสนจักรที่ถูกกล่าวหาว่ามีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและให้การอบรมพวกเขา” สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า “ความล้มเหลวของผู้มีอำนาจของพระศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นบิชอปเจ้าคณะนักบวช บาทหลวง ฯลฯ ซึ่งมีหน้าที่จัดการกับอาชญากรรมอันน่าชังเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ซึ่งกลายเป็นบ่อเกิดของความเจ็บปวดและความอับอายสำหรับชุมชนพระศาสนจักร”  พระองค์ทรงเรียกร้องผู้นำพระศาสนจักรให้เยียวยาความผิดในอดีตพร้อมกับหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อสร้างหลักประกันว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก  ใน “จดหมายถึงประชากรของพระเจ้า” ของพระองค์เมื่อเร็วๆนี้พระองค์ทรงเรียกร้องให้มีการปฏิบัติที่จริงจังกว่าเดิมเพื่อที่จะ“ถอนรากถอนโคนบาดแผลนี้ในพระศาสนจักร”

แต่สมเด็จพระสันตะปาปาก็ยังทรงยอมรับว่าพระศาสนจักรในไอแลนด์ทั้งในอดีตและปัจจุบันมีบทบาทในการ “ส่งเสริมสวัสดิการของเด็ก/ผู้เยาว์ ที่เราไม่อาจที่มองข้ามได้”  พระองค์ทรงหวังว่า “ความหนักหน่วงแห่งการเป็นที่สะดุดด้วยการละเมิดซึ่งทำให้เราเห็นความล้มเหลวของหลายคนจะช่วยเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองผู้เยาว์และผู้ใหญ่ที่อยู่ในความเสี่ยงในส่วนของสังคมทั่วไป”

มรดกของคริสตชน

        สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงแสดงความชื่นชมในความสัมพันธ์ระหว่างสันตะสำนักกับพระศาสนจักรไอแลนด์รวมถึงมรดกอันมั่งคั่งแห่งคริสตชนของชาติที่มีมานานกว่า 1,500 ปีโดยระลึกถึงนักบุญปาลลาดิอุส(St Palladius)และนักบุญแพ็ทตริก(St. Patrick)นักบุญอื่นๆและบรรดาปราชญ์อย่างเช่นนักบุญโคลัมบา (St Columba), นักบุญโคลัมบานุส (St Columbanus), นักบุญบริยิต (St Brigid), นักบุญกาลล์ (St Gall), นักบุญคีลเลียน (St Killian)และ นักยุญเบร็นดัน (St Brendan)

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเรื่องนี้มาไตร่ตรอง)