สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนบรรดาเยาวชนว่า
“พระศาสนจักรยังมีหัวใจที่เป็นหนุ่ม”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสขอร้องเยาวชนให้มีความกล้าหาญ
ในขณะที่พระองค์เปิดการประชุมก่อนการประชุมสมัชชาซีน็อด ค.ศ.2018
วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม ค.ศ.2018
พระศาสนจักรหัวใจยังหนุ่ม…
ในการเปิดการประชุมที่กรุงโรม เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันฉลองนักบุญยอแซฟ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงตรัสเช่นนี้เมื่อปราศรัยกับบรรดาเยาวชนกว่า 100 คนที่พากันมายังมหานครอมตะ กรุงโรมเพื่อแบ่งปันกันล่วงหน้าเกี่ยวกับสมัชชาซีน็อดซึ่งผลที่ออกมาจะมีการนำเอามาพิจารณากันในการประชุมสมัชชาซีน็อดในเดือนตุลาคม 2018
นี่เป็นเรื่องน่าสนใจที่ต้องให้ข้อสังเกตว่ามหาวิทยาลัยมารีอา มารดาแห่งพระศาสนจักร(Maria Mater Ecclesiae)เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งสันตะสำนัก ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งจะมีการประชุมก่อนการประชุมสมัชชาซีน็อดและเป็นสถานที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสให้การต้อนรับบรรดาเยาวชนเหล่านี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ววันที่ 19 มีนาคม สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญยอห์น ปอลที่ 2“ผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของบรรดาเยาวชน” ก็ได้มาเยี่ยมมหาวิทยาลัยนี้เช่นเดียวกัน
สมัชชาที่จะมาถึงนี้เป็นอีกท่าทีหนึ่งแห่งความใกล้ชิดที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจของพระศาสนจักรที่จะรับฟังและเปิดโอกาสให้บรรดาเยาวชนแสดงความห่วงใยของตนเพื่อที่จะได้หาหนทางสนับสนุนพวกเขา
ในคำปราศรัยวันนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงขีดเส้นใต้การเสวนาอย่างใกล้ชิดกับบรรดาเยาวชนว่าเป็นสิ่งที่ช่วยกันและกันได้มาก
“สัปดาห์นี้พ่อจึงขอเชิญชวนพวกเธอทุกคนให้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและอย่างเป็นอิสระ” พระองค์ตรัส พร้อมกับกล่าวเพิ่มว่า “พวกเธอเป็นนักต่อสู่ที่เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นจึงสำคัญที่เธอต้องพูดออกมาอย่างเปิดเผย”
“แต่พ่อรู้สึกอายนะ… ขอให้พระคาร์ดินัลฟังด้วย… ฟังอะไร? เขาก็เคยฟังมาแล้ว
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงทำให้พวกเขามั่นใจว่า สิ่งที่เยาวชนพูดมานั้นจะได้รับการพิจารณากันอย่างจริงจัง
“เราต้องการเยาวชนซึ่งเป็นเสาหลักทรงชีวิตของพระศาสนจักรซึ่งต้องมีใบหน้าของคนหนุ่ม แต่อย่างที่พ่อเคยพูดไว้ ไม่ได้เสริมสวยให้หนุ่มแบบผิวเผิน แต่ต้องได้รับการฟื้นฟูจากภายใน”
“แล้วพวกเธอก็ทำให้เราตื่นออกจากตรรกะที่ว่า ‘ในอดีตเคยเป็นอย่างนี้มาก่อน’ พระองค์ตรัสย้ำ “ขอให้ทราบด้วยว่าตรรกะดังกล่าวเป็นพิษ เพราะว่ามีผลต่อหัวใจของพวกเธอ ทำให้พวกเธอสลบ ทำให้พวกเธอเดินไม่ได้ เพื่อที่จะหลุดพ้นจากตรรกะ “เคยทำกันอย่างนี้มาก่อน” เพื่อที่จะคงสภาพเดิมแห่งความคิดสร้างสรรค์แห่งธรรมเนียมประเพณีที่ถ่องแท้แน่จริงของพระศาสนจักร
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงย้ำคำแนะนำของพระองค์ว่า คริสตชนควรอ่านหนังสือกิจการของอัครสาวกโดยอ้างถึงความคิดสร้างสรรค์ของบุรุษชายเหล่านั้น
“ชายเหล่านั้นทราบดีว่าจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์อย่างไร หากเราจะเอามาแปลกันว่าทุกวันนี้หมายความอย่างไร เราจะทึ่ง ตกใจ!”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงจบคำปราศรัยด้วยการขอบคุณทุกคนและทรงเตือนพวกเขาให้มีคำภาวนาสำหรับพระองค์ด้วย
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเรื่องนี้มาฝากให้เยาวชนร่วมกันไตร่ตรอง)