Skip to content

ในสถานการณ์เช่นนี้ พระเยซูจะทำอย่างไร?

“จงเป็นเยาวชนแบบชาวสะมาเรียผู้ไม่เคยทอดทิ้งคนที่นอนอยู่ข้างถนน เขาไม่นิ่งเฉย”
วันที่ 17 มกราคม ค.ศ.2018
วันพุธที่ 17มกราคม ค.ศ.2018 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงใช้วิธีง่ายๆทดสอบเยาวชนโดยถามว่า “พระเยซูจะทำอย่างไร?”

คำแนะนำของพระองค์เกิดขึ้นในช่วงที่ทรงตรัสกับเยาวชนซึ่งพากันมารวมตัวกันที่สักการะสถานไมปูที่นครซันดีอาโกซึ่งเป็นการแวะเยือนในระหว่างการเดินทางไปยังประเทศชิลีและเปรู  พระองค์ทรงตั้งคำถามว่า “หากพระเยซุคริสต์เป็นข้าพเจ้า พระองค์จะทำอย่างไร?”  นี่เป็น “กฎทอง” ที่นักบุญ อัลแบร์โต ฮุร์ตาโด ได้ใช้ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเสด็จไปเยี่ยมหลุมศพของท่านเมื่อวานนี้

“พระองค์ทรงตรัสหลายครั้งแล้วว่าเยาวชนต้องเป็นพระเอกในการเปลี่ยนแปลงสังคม ในการทำให้สังคมมีความยุติธรมมากขึ้นเป็นใยต่อคนที่อ่อนแอ  ซึ่งนิยมชมชอบคุณค่าแห่งชีวิต  ซึ่งชอบรักพระเจ้าในตัวของบรรดาพี่น้อง  ซึ่งเกิดในประเทศของเราหือในอีกซีกหนึ่งของโลก”เยาวชนคนหนึ่งที่ชื่อ Ariel Rojas พูดเพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อพระดำรัสของพระสันตะปาปา “พวกเราเห็นแบบฉบับแห่งชีวิตในพระองค์นแบบฉบับแห่งความรัก  และแบบฉบับแห่งพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงชีวิต”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงขอให้บรรดาเยาวชนเป็น “พระเอกในดวงใจของพระศาสนจักร” พระองค์ทรงแนะนำให้เอาแบบอย่างของชาวสะมาเรียผู้ใจดี ไซมอนแห่งไซรีนที่ช่วยพระคริสตเจ้าแบกไม้กางเขน ซักเคอุสที่สละทิ้งข้าวของเงินทอง และมารีย์มักดาเลนา “ที่พบว่าพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่เป็นคำตอบแท้ของตน”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงบอกเยาวชนว่าในพันธกิจฐานะที่เป็นบิชอปพระองค์ทรงเห็นว่า “เยาวชนมีความคิดที่ดีมากมาย ทั้งในความคิดและจิตใจ เยาวชนอยู่เฉยไม่เป็น  พวกเขาเป็นนักแสวงหาและเป็นนักอุดมการณ์” พระองค์ทรงยอมรับว่าผู้ใหญ่บางคนลืมไปแล้ว่า “สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเสมอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสยังทรงเตือนในการประชุมสมัชชาชีน็อดครั้งที่ 15 ของบรรดาบิชอปซึ่งจะมีขึ้นในเดือนตุลาคม 2018 ในหัวข้อ “เยาวชน ความเชื่อ และการแยกแยะกระแสเรียก”

“โดยตระหนักดีถึงความสำคัญของเยาวชนและประสบการณ์ของพวกเขา ปีนี้พ่อต้องการให้มีการประชุมสมัชชาซีน็อด และก่อนหน้านั้นจะมีการ ประชุมเยาวชน เพื่อที่พวกเธอจะได้เกิดจิตสำนึกว่าพวกเธอเป็นพระเอกอย่างแท้จริงในดวงใจของพระศาสนจักร” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตรัส “เพื่อที่จะได้รักษาความเป็นหนุ่มของพระศาสนจักรไว้โดยไม่ใช่ตบแต่งด้วยเครื่องสำอาง ขอให้พระศาสนจักรได้ยอมรับการท้าทายจากบุตรธิดาที่จะช่วยพระศาสนจักรในแต่ละวันให้มีความซื่อสัตย์ยิ่งขึ้นต่อพระวรสาร  พระศาสนจักรในประเทศชิลีต้องการพวกเธอมากเพื่อที่จะ “เขย่าฝุ่นใต้เท้าของเรา” และช่วยเราให้เข้าใกล้พระเยซูมากยิ่งขึ้น  คำถามของเธอ ความอยากรู้ของเธอ การต้องการที่จะเป็นคนใจกว้าง ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราที่จะต้องเข้าใกล้พระเยซู เราทุกคนได้รับการเชื้อเชิญใหม่ให้เข้าใกล้พระเยซู!

พระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา

Ariel พ่อก็รู้สึกมีความสุขเช่นเดียวกันที่ได้อยู่กับเธอ ขอบใจในการกล่าวต้อนรับพ่อในนามของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ พ่อเองต่างหากที่ต้องรู้สึกกตัญญูที่สามารถแบ่งปันเวลาอยู่กับพวกเธอ สำหรับพ่อมีความสำคัญสำหรับเราที่จะต้องพบปะกันและเดินไปด้วยกันสักพักหนึ่งขอให้เราช่วยซึ่งกันและกันในการมองไปข้างหน้า!

พ่อดีใจที่การพบปะกันของเราครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Maipu ในผืนแผ่นดินนี้ ณ ที่ซึ่งประวัติศาสตร์ของประเทศชิลีเริ่มรักกันฉันท์พี่น้องในสักการะสถานนี้ซึ่งเกิดขึ้น ณ หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเหนือกับใต้ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างหิมะกับทะเลและเป็นบ้านของทั้งสวรรค์และโลก  นี่เป็นบ้านของชิลี เป็นบ้านของเธอซึ่งเป็นคนหนุ่มสาว ณ ที่ซึ่งแม่พระแห่งภูเขาคาร์เมลรอคอยต้อนรับเธอด้วยใจกว้าง  เฉกเช่นที่แม่พระทรงประทับอยู่พร้อมกับการเกิดของประเทศชิลีและได้ติดตามชาวชิลีตลอดมาในช่วงสองร้อยปีที่แล้ว พระแม่ก็ยังทรงปรารถนาที่จะติดตามความฝันที่พระเจ้าทรงวางไวในดวงใจของพวกเธอ นั่นคือความฝันที่จะมีอิสรภาพ ที่จะมีความชื่นชมยินดี ที่จะมีอนาคตที่ดีกว่า นี่เป็นความฝันอย่างที่ Arielกล่าวไว้ “ที่จะเป็นพระเอกของการเปลี่ยนแปลง” แม่พระแห่งภูเขาคาร์เมลจะติดตามพวกเธอไปเพื่อที่เธอจะได้เป็นพระเอกของประเทศชิลีซึ่งดวงใจของเธอมีความใฝ่ฝัน  พ่อทราบดีว่าดวงใจของหนุ่มสาวชาวชิลีมีความใฝ่ฝัน พวกเขาฝันเขื่อง  เพราะแผ่นดินนี้ได้ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่แพร่ขยายเพิ่มทวีขึ้นไปยังประเทศต่างๆทั่วทวีปของเรา  ใครเล่าเป็นแรงบันดาลความฝันเช่นนั้น?  เป็นคนหนุ่มสาวเฉกเช่นพวกเธอนั่นแหละที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับประสบการณ์ที่จะผจญภัยในความเชื่อ  เพราะความเชื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับการผจญภัยที่จูงใจให้พวกเขาท่องไปยังภูมิทัศน์อันเหลือเชื่อที่เต็มไปด้วยขวากหนามและเป็นหลุมเป็นบ่อ  จะอย่างไรก็ตามทีพวกเธอจะรู้สึกเบื่อหน่ายหากไม่มีการท้าทายซึ่งจะทำให้เธอตื่นเต้น  เรามองเห็นประเด็นนี้ชัดเจนมากอย่างเช่นตอนที่มีภัยธรรมชาติ พวกเธอมีความสามารถที่น่าทึ่งมากในการแก้ไขปรับตัวซึ่งเป็นเครื่องหมายชัดถึงความเป็นคนที่มีใจกว้าง

ในพันธกิจของพ่อฐานะที่เป็นบิชอปพ่อเห็นความคิดที่ดีมากมายในจิตใจของคนหนุ่มสาว  คนหนุ่มสาวอยู่นิ่งไม่เป็น พวกเขาต่างแสวงหาและเป็นนักอุดมการณ์  ปัญหาที่ผู้ใหญ่มีก็คือ บ่อยครั้งเหมือนกับข้าฯรู้ทุกอย่าง “พวกเขาคิดเช่นนั้นเพราะว่าพวกเขายังคงเป็นคนหนุ่มสาว พวกเขายังจะต้องเติบโตขึ้น”  ราวกับวาการเติบโตขึ้นหมายความถึงการยอมรับความอยุติธรรมโดยเชื่อว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

เพราะตระหนักดีว่าคนหนุ่มสาวและประสบการณ์ของพวกเขามีความสำคัญมากแค่ไหน ปีนี้พ่อจะเรียกประชุมสมัชชาซีน็อด และก่อนที่จะมีการประชุมนี้ จะมีการประชุมของเยาวชนเพื่อที่พวกเธอจะได้รู้สึกว่าพวกเธอเป็นพระเอกจริงในดวงใจของพระศาสนจักร เพื่อช่วยหน้าตาของพระศาสนจักรให้คงไว้ซึ่งความหนุ่มแน่น ไม่ใช่ด้วยเครื่องสำอาง  แต่ด้วยการที่ถูกท้าทายจากบรรดาบุตรธิดาเพื่อที่จะช่วยพระศาสนจักรให้มีความซื่อสัตย์ต่อพระวรสารมากยิ่งขึ้นทุกวัน  พระศาสนจักรในชิลีต้องการพวกเธอมากในการ “สะบัดฝุ่นใต้เท้า” และช่วยพวกเราให้เข้าใกล้ชิดพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น!  คำถามของเธอ ความอยากที่จะรู้ของเธอ ความปรารถนาที่จะเป็นคนใจกว้างของเธอล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราที่จะต้องเข้าใกล้พระเยซู  เราทุกคนได้รับการเชื้อเชิญใหม่เสมอให้ต้องเข้าใกล้พระเยซู

พ่ออยากแบ่งปันเรื่องหนึ่งกับพวกเธอ  วันหนึ่งขณะที่กำลังคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง พ่อถามเขาว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขาไม่มีความสุข เขาตอบพ่อว่า “เมื่อแบตโทรศัพท์มือถือของผมหมดหรือผมติดต่อทางอินเตอร์เน็ตไม่ได้” พ่อถามเขาว่า “เพราะเหตุใด?” เขาตอบว่า “เพราะผมทำอะไรไม่ได้สักอย่างเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ คล้ายๆผมถูกตัดขาดจากโลก ในเวลานั้นผมจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาเครื่องชาร์จหรือเครือข่ายไวไฟและหาพาสเวิร์ดเพื่อเชื่อมโยงกับเน็ตเวิร์ค” เรื่องนี้ทำให้พ่อคิดว่าเรื่องเดียวกันอาจเกิดขึ้นได้กับความเชื่อของเรา  หลังจากเดินทางไปชั่วครู่หนึ่งหรือหลังจากที่ได้รับแรงกระตุ้นเบื้องต้นไปพักหนึ่งจะมีช่วงเวลาที่เรานึกไม่ถึง ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง แล้วเราก็เสียการเชื่อมโยงไป เมื่อนั้นเราจะรู้สึกไม่มีความสุขแล้วเราก็เสียความเชื่อไป  เรารู้สึกถูกกดดันอยู่ไม่เป็นสุข เราเริ่มมองทุกสิ่งในมุมมืด เมื่อเราขาด “การเชื่อมโยง” ซึ่งทำให้ความฝันของเราหลุดไป ใจเราก็จะเริ่มสั่นคลอน   เมื่อแบตเตอรี่เราหมดเรารู้สึกอย่างที่เพลงกล่าวไว้ “เสียงและความเหงาแห่งนครตัดเราขาดออกจากทุกสิ่ง”  โลกหมุนกลับ  และพยายามที่จะโถมใส่ข้าพเจ้าจนทำให้ความคิดความตั้งใจของข้าพเจ้าจมหายไป” [1]

เมื่อไม่มีการเชื่อมโยงกับพระเยซูคริสตเจ้า  ชีวิตเราก็จบเห่กับความคิดความฝันและความเชื่อของเรา ดังนั้นเราจึงเกิดอาการอาลัยตายอยากและน่ารำคาญ  ในฐานะพระเอกดังที่เราเป็นและอยากจะเป็น เราสามารถมาถึงจุดที่ทำให้ไม่มีความแตกต่างว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไร  เรารู้สึกว่าเรา “ถูกตัดออกจากโลก” ดังที่ชายหนุ่มคนนั้นบอกพ่อ ซึ่งทำให้พ่อเป็นห่วงว่าพอเขาสูญเสีย “การเชื่อมโยง” ไปแล้ว พวกเขาหลายคนคิดว่าพวกเขาไม่มีอะไรจะมอบให้อีกแล้ว พวกเขารู้สึกว่าตนหมดท่าไปแล้ว  ขออย่าไปคิดว่าเธอไม่มีอะไรเหลือที่จะมอบให้หรือคิดไปว่าไม่มีใครให้ความสนใจเธออีกแล้ว

จงอย่าได้คิดเช่นนั้นเป็นอันขาด!  อย่างที่นักบุญอัลแบร์โต ฮูร์ตาโด(Alberto Hurtado)มักจะพูดว่า “นี่เป็นเสียงของปิศาจหรือเปล่า” ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไร้ค่า… และให้คงไว้เหมือนเดิมอย่างที่เป็นอยู่  เราทุกคนเป็นความจำเป็นและมีความสำคัญ เราทุกคนมีอะไรบางอย่างที่จะมอบให้

คนหนุ่มสาวในพระวรสารที่เราไดยินได้ฟังวันนี้ต้องการ “การเชื่อมโยง” นั้นเพื่อช่วยพวกเขาให้รักษาโคมใฟให้ลุกโชติช่วงในดวงใจ  พวกเขาต้องการทราบว่าจะต้องชาร์จแบตเตอรี่แห่งหัวใจของพวกเขาอย่างไร อัครสาวกอันดรูว์และศิษย์อีกคนหนึ่งที่ไม่มีการเอ่ยชื่อ  ดังนั้นเราจึงอาจจินตนาการได้ว่าเราแต่ละคนเป็นศิษย์คนนั้น เรากำลังหาพาสเวิร์ดเพื่อที่จะเชื่อมกับผู้ซึ่งเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน. 14: 6) เป็นยอห์นบัปติสต์ที่ชี้ให้พวกเขาเห็นทางพ่อเชื่อว่าพวกเธอก็เช่นเดียวกันต่างมีนักบุญที่คอยช่วยชี้นำเธอ นักบุญที่ทำชีวิตตนเองเป็นบทเพลง “ข้าพเจ้าเป็นสุข ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นสุข” Alberto Hurtado มีกฎทอง เป็นกฎที่ทำให้หัวใจของเขาลุกเป็นไฟด้วยไฟที่ทำให้ความชื่นชมยินดีของเขามีชีวิต พระเยซูคริสต์คือไฟนั้น ใครที่เข้าใกล้ไฟนั้นจะลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที

พาสเวิร์ดของ อัลแบร์โต ฮูร์ตาโด นั้นง่ายมาก หากเธอเปิดโทรศัพท์พ่ออยากให้เธอกดสิ่งนี้เข้าไป เขาถามว่า “พระคริสตเจ้าจะทำอย่างไรหากพระองค์เป็นข้าพเจ้า?”  ที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย เมื่ออยู่นอกห้องเรียน อยู่ที่บ้าน อยู่กับเพื่อน กำลังทำงาน และเมื่อถูกประจญ “พระคริสตเจ้าจะทำอย่างไรหากพระองค์เป็นข้าพเจ้า?”  เมื่อเธอไปงานเต้นรำ เมื่อเล่นหรือดูกีฬา “พระคริสตเจ้าจะทำอย่างไรหากพระองค์เป็นข้าพเจ้า?”

พระองค์ทรงเป็นพาสเวิร์ด เป็นแบตเตอรี่ที่ชาร์จดวงใจของเรา จุดประกายให้กับความเชื่อของเรา ทำให้ดวงตาเราลุกเป็นประกาย นี่คือสิ่งที่หมายถึงการเป็นพระเอกแห่งประวัติศาสตร์ ตาของเราลุกเป็นประกายเพราะเราพบว่าพระเยซูคริสต์เป็นบ่อเกิดแหงชีวิตและความชื่นชมยินดี เราเป็นพระเอกแห่งประวัติศาสตร์เพราะเราอยากส่งต่อประกายนั้นไปยังดวงใจของผู้ที่กลายเป็นคนใจเย็นเฉยและขาดชีวิตชีวา เพราะพวกเขาลืมไปว่าความหวังนั้นคืออะไรสำหรับวิญญาณทุกดวงที่ “ถูกทำให้ตายไป” และรอคอยใครสักคนที่จะมาเปลี่ยนพวกเขาด้วยบางสิ่งที่มีคุณค่า  การเป็นพระเอกหมายถึงทำสิ่งพระเยซูทรงกระทำ

ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน จะอยู่กับใคร และเมื่อใดที่เธออยู่พร้อมหน้ากัน “พระเยซูจะทรงทำอย่างไร?” ทางเดียวที่จะไม่ลืมพาสเวิร์ดก็คือต้องใช้บ่อยๆ ใช้วันแล้ววันเล่า  เวลาจะมาถึงเมื่อเธอจำได้จนขึ้นใจ และวันนั้นจะมาถึงโดยที่ไม่รู้ตัวดวงใจของเธอจะเต้นเหมือนกับดวงใจของพระเยซูคริสต์

ไม่เพียงพอที่จะฟังเทศน์หรือรู้คำตอบจากการเรียนคำสอน เราต้องการที่จะเจริญชีวิตเฉกเช่นพระเยซู เพื่อที่จะทำเช่นนี้ได้เยาวชนในพระวรสารถามว่า “ข้าแต่พระอาจารย์ พระองค์อาศัยอยู่ที่ไหน?” (ยน. 1: 38)พระองค์ทรงดำเนินชีวิตอย่างไร?  เราอยากเจริญชีวิตอย่างพระเยซูด้วยคำว่า “ตกลงพระเจ้าข้า” ซึ่งทำให้หัวใจเราเต้นแรง  การที่จะปฏิบัติตนในแนวนี้เป็นการเสี่ยงอย่างหนึ่ง  มิตรสหายที่รัก จงมีความกล้า กล้าที่จะออกไปพบเพื่อน ผู้คนที่เธอไม่รู้จัก หรือคนที่มีปัญหา

จงออกไปพร้อมกับคำสัญญาแต่ประการเดียวที่เราได้รับ คือ ไม่ว่าเธอจะอยู่ ณ ที่ใด ในทะเลทราย ในการเดินทาง ในความตื่นเต้น เธอจะได้รับ “การเชื่อมโยง” เสมอ และเธอจะมีแบตเตอรี่เสมอ เราจะไม่มีวันที่จะอยู่โดยลำพัง  เราจะมีพระเยซูพร้อมกับพระมารดาของพระองค์และขุมชนอยู่เป็นเพื่อนเสมอ แน่นอนละ ชุมชนจะไม่ครบครัน แต่นั่นไม่ไดหมายความว่าพวกเขาไม่มีความรักที่จะมอบให้กับผู้อื่น

เยาวชนที่รัก  “ขอให้เธอเป็นชาวสะมาเรียผู้ใจดีผู้ซึ่งไม่เคยเดินผ่านคนที่นอนอยู่ข้างถนน จงเป็นเช่นหนุ่มไซมอนแห่งไซรีนที่ช่วยพระเยซูแบกไม้กางเขนและช่วยบรรเทาความทุกข์ของบรรดาพี่น้องชายหญิง จงเป็นเหมือนซักเคอุสที่ตัดใจจากวัตถุแล้วกลายเป็นผู้ที่มีความเอื้ออาทร จงเป็นเหมือนมารีย์มักดาเลนผู้แสวงหาความรักอย่างหลงใหลและพบว่ามีแต่พระเยซูเท่านั้นที่จะให้คำตอบต่อสิ่งที่เธอต้องการได้  จงมีหัวใจของเปโตรเพื่อเธอจะได้สามารถทิ้งอวนไว้ริมทะเลสาบ  จงมีความรักเหมือนยอห์นเพื่อที่เธอจะได้วางความกังวลทุกอย่างไว้กับพระองค์ จงมีใจกว้างดุจพระแม่มารีย์ เพื่อที่เธอจะได้สามารถร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

มิตรสหายที่รัก  พ่ออยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ ขอบคุณทุกคนสำหรับการพบปะกันครั้งนี้และสำหรับความชื่นชมยินดีของพวกท่าน พ่อขอร้องพวกเธออย่างหนึ่ง สวดให้พ่อด้วย

(วิษณุ ธัญญอนันต์ เก็บเรื่องนี้มาเพื่อการไตร่ตรอง)

__________________
[1] LA LEY, Aquí. [2] CARD. RAÚL SILVA HENRÍQUEZ, Mensaje a losjóvenes (7 October 1979). [00058-EN.01] [Original text: Spanish]