Skip to content

บทอ่าน อสย 9:1-6   ;   ทต 3:4-7   ;   ลก 2:1-14

ความยินดีสำหรับทุกคน

คริสต์มาสเป็นการฉลองที่เปี่ยมด้วยความยินดีและความหวัง  อย่างไรก็ดี  เราต้องยอมรับว่าสังคมทุกวันนี้  ไม่มีทั้งสองสิ่งง่ายๆ เสมอไป  คนยากจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เราจึงไม่สามารถประกาศข่าวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าด้วยความยินดี  เพราะหลายคนยังประสบความยากลำบาก  ยังหาทางแก้ไขไม่ได้  ยังท้อใจ  ไม่มีกำลังเผชิญสถานการณ์นี้

กลิ่นที่คอกสัตว์

การประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในประวัติศาสตร์ของเรา  เป็นการเรียกถาวรให้หันกลับมาสู่แหล่งกำเนิดความเชื่อของเรา  พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดที่เบ็ธเลเฮม  มีบรรดาผู้เลี้ยงแกะและสัตว์ล้อมรอบพระองค์  แม่พระและนักบุญโยเซฟมาที่คอกสัตว์เพราะไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย  บุตรพระเจ้าทรงเข้ามาในประวัติศาสตร์  สภาพยากจน  พระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์

“ครั้งนั้นพระจักรพรรดิออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน  การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้มีขึ้นเมื่อคีรีนีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย” (ลก 2:1-2)  ข้อความในพระวรสารบอกข่าวสำคัญแบบเรียบง่าย คือ พระเยซูเจ้าทรงประสูติในสถานที่และเวลาที่ได้กำหนด  ในสมัยพระจักรพรรดิออกัสตัส  ผู้ว่าราชการคีรีนีอัส  และกษัตริย์เฮโรด  ผู้ทรยศประชาชนของตน  พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดตอนนั้น  ไม่มีความสำคัญในสายตาของผู้หยิ่งจองหองและผู้มีอำนาจชอบดูถูก  และในสายตาของพวกเขาถือว่าการเมืองมีสันติสุข

ระหว่างช่วงเวลาคริสต์มาส  ชาวบ้านมักกล่าวว่า พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดในทุกครอบครัวและในหัวใจของเราคริสตชน  แต่การบังเกิดเหล่านี้ต้องไม่ผ่านข้อเท็จจริงแรกที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดจากพระนางมารีย์ท่ามกลางประชาชนที่ถูกกดขี่ในสมัยนั้น  โดยจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น  ถ้าเราลืมเรื่องนี้ไป  การเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในโลกก็กลายเป็นนามธรรม  สำหรับเราคริสตชน  คริสต์มาสเผยแสดงถึงพระเจ้าเสด็จมาในประวัติศาสตร์มนุษย์  เป็นคริสต์มาสแห่งความต่ำต้อยและการรับใช้ท่ามกลางอำนาจการกดขี่และมีอำนาจเหนือโลก  คริสต์มาสเป็นการเข้ามาในโลกด้วยกลิ่นคอกสัตว์

พระเจ้าทรงถูกเผยแสดงในพระเยซูคริสตเจ้า  ในพระองค์ “พระหรรษทานของพระเจ้าปรากฏขึ้นเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น” (ทต 2:11)  เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อจุดเริ่มสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ปัจจุบันของเรา  ในท่ามกลางการเสื่อมลงอย่างต่อเนื่องของสภาพชีวิตของคนจนและประชาชนผู้ถูกลืม  ไม่มีงานทำ  และขาดโอกาสหลายๆ อย่าง  การโกหกและการจัดการของผู้มีอำนาจต่อสถานที่มีควันปกคลุมอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่อยุติธรรมของพวกเขา  ตั้งแต่คริสต์มาสครั้งแรกเป็นต้นมา  เราไม่สามารถแยกความเชื่อคริสตชนออกจากประวัติศาสตร์มนุษย์

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางราเคล

สิ่งที่เราทราบในความหมายคริสต์มาส  รวมการระลึกถึง  ซึ่งหลายคนละเลยหรือเข้าใจผิด คือ วันฉลองทารกผู้วิมล  การบังเกิดของเด็กคนหนึ่งในตำบลเล็กๆ ได้ทำให้ผู้ทรยศไม่สบายใจ  กลิ่นคอกสัตว์ลอยไปถึงวังกษัตริย์เฮโรด  จนพระกุมารต้องหนีการถูกฆาตกรรม  เหมือนโมเสสผู้ช่วยกอบกู้ประชาชน  ความตั้งใจของเฮโรดไปไม่ถึงอียิปต์  เฮโรดกลัวทารกที่บังเกิดใหม่  จึงสั่งประหารทารกบริสุทธิ์หลายคน  ชีวิตของพระกุมารทำให้ทารกหลายคนเสียชีวิตแบบอยุติธรรม  ความยินดีของพระกุมารทำให้หลายครอบครัวต้องเศร้าโศกเสียใจ

เรายังคงได้ยินเสียงร่ำไห้คร่ำครวญของนางราเคลอาลัยถึงบรรดาลูกๆ (มธ 2:18)  ในทุกวันนี้  เป็นเสียงร้องบรรดามารดาของลูกร้อยๆ คนที่กำลังสิ้นใจในบรรดาเด็กทุกๆ พันคน  ที่ลูกๆ ถูกลักพาตัว  มารดาที่พร่ำบ่นที่เห็นลูกเติบโตขึ้นแต่ไม่มีอาหารพอเพียงและเจ็บป่วย

การบังเกิดของพระบุตรเป็นหัวใจของข่าวดีที่ทำให้เราทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เป็นพิเศษกับบรรดาผู้ถูกทอดทิ้งและถูกกดขี่เหมือนกรณีของพระเยซูเจ้า  การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของหลายคนที่เป็นพยานประกาศความหวัง  ซึ่งอาจดูเหมือนไม่สำคัญต่อเราในแง่ประวัติศาสตร์  เหมือนการบังเกิดของพระกุมารที่เราฉลองวันคริสต์มาส  แต่ความหวังนี้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  และดังนั้นข่าวดีนี้ “จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง” (ลก 2:10)

บิชอป  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Sharing the Word Through the Liturgical Year
โดย Gustavo Gutierrez, หน้า 23-24.