บ้านนิรมลฯ และศูนย์พันธกิจแห่งรัก ดำนาปลูกข้าว “วิถีชีวิต วิถี BEC”
ในช่วงฤดูฝนทุกปี ตามศูนย์คาทอลิกสังฆมณฑลเชียงใหม่ ที่กระจายตามเขตตำบล อำเภอต่างๆ ในสังฆมณฑลเชียงใหม่ ต่างพยายามที่จะใช้พื้นที่ที่พอมีอยู่ตามเขตวัดต่างๆ ให้เกิดประโชย์เพื่อผลิตพืชผัก เลี้ยงสัตว์และปลูกข้าวเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย และนอกเหนือจากนั้นเพื่อเป็นการรักษาวัฒนธรรมประเพณีแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการช่วยกันเอามื้อหรือลงแขกดำนาปลูกข้าว ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตคริสตชนพื้นฐาน “BEC” ซึ่งเป็นชีวิตประจำวันของชุมชนอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันการดำนาปลูกข้าวด้วยวิถีการลงแขกเริ่มลดน้อยถดถอยลงไป ต่างกันต่างรีบเพื่อให้เสร็จเร็วจะได้ใช้เวลาไปทำการงานอย่างอื่น อันเนื่องมาจากการพัฒนาทั้งเครื่องมือเครื่องจักรในการประกอบอาชีพทางการเกษตร จากเดิมที่ใช้แรงงานสัตว์โดยเฉพาะกระบือหรือควายในการไถนาปรับเป็นใช้รถไถนาเขามาทดแทนแรงงานสัตว์ ซึ่งจะทำให้การงานต่างๆ เสร็จเร็วขึ้น และใช้แรงงานน้อยลง ถึงขนาดที่บางพื้นที่เริ่มใช้เครื่องจักรในการปลูกดำข้าวแล้ว ซึ่งด้านหนึ่งทำให้สะดวกรวดเร็วขึ้นแต่ความสัมพันธ์ในชุมชนเริ่มลดน้อยถอยลงไปด้วยเช่นกัน
พื้นที่ของมิสซังฯ หรือศูนย์คาทอลิก เป็นพื้นที่แห่งการฝึกและฟื้นฟูวิถีชีวิตคริสตชน วัฒนธรรมแห่งความรักและ BEC
เช่นเดียวกับบ้านนิรมลหรือบ้านซิสเตอร์แม่ปอน ก็ได้ลงมือดำนาปลูกข้าวเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2017 ที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านจากหมู่บ้านผาหมอน โป่งลมแรง ห้วยตอง ผาไหวจากแม่ฮ่องสอน บ้านป่าตึง รวมทั้งคุณพ่อ ซิสเตอร์และเด็กเยาวชนผู้สนในกระแสเรียกต่างช่วยกันปลูกข้าวหรือดำนาเสร็จภายในวันเดียว และก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2017 ศูนย์พันธกิจแห่งรักที่เป็นศูนย์สำหรับเด็กเยาวชนที่ลงมาศึกษาต่อในเมืองได้ช่วยกันลงแขกดำนาปลูกข้าวในพื้นที่ 8 ไร่โดยมีชาวบ้านมาช่วยกันกว่า 70 คนแล้วเสร็จภายในวันเดียวเช่นกัน และมีอีกหลายเขตวัดที่กำลังจะทยอยลงมือปลูกข้าวต่อจากนี้ไปให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้แล้วจะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน 2017 นี้
ศูนย์คาทอลิกต่างๆ ของสังฆมณฑลฯ จึงปรับกระบวนการผลิตปลูกข้าวด้วยการใช้เครื่องจักรหรือรถไถนาเข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน แต่ปรับใช้ด้วยการให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม โดยหลังจากการใช้รถไถในการไถปรับพื้นที่แล้วชาวบ้านจะระดมพลมาจากหมู่บ้านต่างๆ ช่วยกันดำนาก่อและก่อนลงมือดำนาจะมีการสวดภาวนาหรืออ่านบทอ่านเพื่อสรรเสริญและขอพรจากพระแล้วจึงลงมือดำนาด้วยกัน ก่อนให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สนทนาพูดแซวหยอกล้อกันบ้างในบางช่วงสร้างความสนุกสนานเฮฮาตามวิถีชีวิตชนบท และที่สำคัญคือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจากหมู่บ้านหนึ่งกับอีกหมู่บ้านหนึ่งจากคนเคยรู้จักกันแต่ห่างหายจากกันมานานหลังจากเคยเรียนด้วยกันแล้วแยกย้ายกลับตามหมู่บ้านแล้วกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในพื้นที่ดำนาปลูกข้าว หรือจากคนที่ไม่เคยพบหน้าคาดตาหรือรู้จักกันมาก่อนเป็นมารู้จักซักถามไล่เรียงถึงความเป็นมาต้นตอปู่ย่าตายาย บ้างจึงพบว่าในที่สุดมาจากที่เดียวกันก็มี นี้คือพื้นที่ของวิถีชีวิตและวิถีชุมชนคริสตชน BEC ที่เราพูดถึงกันในช่วงนี้ จะเห็นว่าวิถีชีวิตคริสตชนพื้นฐานที่เราพูดถึงกันในหนังสือกิจการอัครสาวกนั้น มีอยู่แล้วในวิถีชีวิตชาวบ้านชุมชนที่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีการเยี่ยมเยียนสนทนาสรวนเสเฮฮาบ้างในบางช่วงบางเวลาในเวลาทำงานลงแขกปลูกข้าวด้วยกัน หรือปรึกษาหารือกันอย่างคร่ำเครียดในบางครั้งที่มีปัญหาต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาหาทางออกด้วยกันในชุมชน มีการสวดภาวนาขอบคุณพระเจ้าด้วยกันในตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน และกลับมาสวดภาวนาเย็นด้วยกันหลังกลับจากการหว่านข้าวดำนาทำสวนเพื่อสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน และที่สำคัญขอโทษสำหรับความขาดตกบกพร่องในวันเวลาที่ผ่านมาอีกวันหนึ่งแล้วนั้น และยิ่งถ้ามีบาทหลวงหรือครูคำสอน ซิสเตอร์ เพิ่มเติมด้วยการอ่านพระวาจาที่สอดคล้องและแบ่งปันสักนิดเป็นการเติมเต็มวิถีชีวิตคริสตชนให้เข้มข้นและเข้มแข็งยิ่งนี้ โดยไม่ต้องมีขั้นตอนทฤษฎีที่ยุ่งยากมากมาย และเป็นชีวิตที่เป็นไปอย่างธรรมชาติเรียบง่ายและมีพลังแห่งความเชื่อและความรัก ที่มีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางนั่นเอง