
วันอาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา 23 ตุลาคม 2016
บทอ่าน บสร 35:12–14,16-18 ; 2 ทธ 4:6- 8, 16-18 ; ลก 18: 9-14
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 588, 2559, 2613, 2667, 2839
จุดเน้น เมื่อเราอธิษฐานภาวนาต่อหน้าพระเจ้า เราควรทำด้วยความสุภาพ
เมื่อนักประวัติศาสตร์ในอนาคตจะเขียนเกี่ยวกับยุคนี้ พวกเขาอาจบันทึกว่าเรากระหายความรู้จักตนเอง เกือบทุกอาทิตย์ เราจะได้รับเมล เกี่ยวกับการประชุมเชิงปฏิบัติการ การอบรม หรือ การประชุมที่จัดเพื่อช่วยเราให้รู้จักตนเองมากขึ้น การเชิญร่วมประชุมต่างๆ มักมีรับประกันว่าจะช่วยผู้ร่วมประชุม สามี-ภรรยา ผู้ปกครอง นายจ้าง ลูกจ้าง ชายหญิงให้รู้จักตนเองดีขึ้น ข้อเสนอหลักๆ คือ เมื่อใครรู้จักตนเองดีขึ้น ก็สามารถรับผิดชอบดีขึ้น ควบคุมชีวิต และจุดมุ่งหมายชีวิตดีขึ้น มั่นใจตนเองยิ่งขึ้น พระเยซูเจ้าได้ตรัสในพระวรสารนักบุญยอห์นว่า “ความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ” (ยน 8:32) แต่มันก็ยังสำคัญที่จะถามว่า “ความจริงคืออะไร” ทั้งชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี ยืนอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร แต่ละคนบอกความจริงของตน ชาวฟาริสีก็ถูกต้องในการวิเคราะห์ตนเองระดับหนึ่ง เขาเป็นชาวยิวที่ศรัทธาดีคนหนึ่ง
แต่ความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้าดูเหมือนได้ตั้งฐานบนการได้รับรางวัล และการลงโทษ คำอธิษฐานภาวนาเป็นแบบเขาพูดคนเดียว มากกว่าคำอ้อนวอนจากใจจริง เขาเข้าหาพระเจ้าเหมือนเขาเป็นนักธุรกิจ กำลังอ้างสิทธิและการคาดหวัง ศูนย์กลางของชีวิต คือ ตนเอง ไม่ใช่พระเจ้า ยิ่งที่เขาเปรียบเทียบกับคนเก็บภาษีว่า เขาเหนือกว่า เขาเข้าใจผิดเรื่องกฎพื้นฐานที่สุดของลัทธิยิวที่ว่า “ท่านจะต้องรักพระเจ้าของท่าน สุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดกำลังของท่าน” (ฉธบ 6:5)
ส่วนคนเก็บภาษี ตรงกันข้าม เขาเป็นคนบาปในสายตาคนอื่น และในการประเมินค่าตนเอง การดำเนินชีวิต ในสังคมยิว หลายคนมองเขาเหมือนขโมย และผู้ร่วมมือ (กับชาวโรมัน) กรูโช มาร์ก ได้เคยพูดว่า “ผมจะไม่ยอมร่วมสมาคมที่ถือว่าผมเป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่ง” คนเก็บภาษีได้แบ่งปันความรู้สึกนี้ออกมา เขารู้ฐานะบาปน่ารังเกียจของตน แตกต่างมากกับชาวฟารีสีถือว่าตนเป็นศูนย์กลาง และเหนือกว่า (คนอื่น)
คนเก็บภาษีตระหนักถึงความจริงพื้นฐานว่าเราไม่สามารถดำเนินชีวิตด้วยวิธีการของเราเองไปสู่สวรรค์ เราขึ้นอยู่กับพระหรรษทาน ที่พระเจ้าทรงประทานให้เราเปล่าๆ (ฟรีๆ) พระองค์ไม่ได้เป็นหนี้บุญเราเลย แต่พระองค์ประทานทุกสิ่งให้เรา ถ้าเพียงโครงการช่วยเหลือตนเองสามารถช่วยเราให้ยอมรับความจริงนั้น ไม่ว่าเราจะประสบผลสำเร็จในชีวิตนี้อย่างไร เมื่อเราจากโลกนี้เข้าสู่ชีวิตนิรันดร เราขึ้นกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง นักบุญเปาโลอัครสาวกได้รู้เรื่องนี้ แต่ได้เข้าใจลึกซึ้งขึ้น เมื่อท่านอายุมากขึ้น ตามที่เราได้ยินในบทอ่านวันนี้ ท่านรู้ทุกอย่าง รวมทั้งความสำเร็จของท่าน มาจากพระเจ้า ดังที่กล่าวว่า “มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้าง และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า”
จงคิดว่าเราสามารถรักษาชีวิตเราเอง หรือ เข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยอาศัยความพยายามของเราเอง ต้องหลอกตนเอง แทนที่เราต้องเผชิญความจริงว่าเราอ่อนแอตามภาษามนุษย์ เมื่อคิดได้อย่างจริงใจเช่นนี้ ก็ทำให้มีที่ว่างสำหรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา นี่แหละคือ ความจริงแท้ที่จะทำให้เราเป็นอิสระ
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(ตุลาคม-ธันวาคม 2016), หน้า 475-477.