
อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา 24 มกราคม 2016
บทอ่าน นหม 8:2-4ก, 5-6, 8-10 ; 1 คร 12:12-30 ; ลก 1:1-4 ; 4:14-21
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 436, 544, 695, 714, 1168, 1286, 2443
ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 28
จุดเน้น ในฐานะศิษย์ของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเรียกเราให้เป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสาร และช่วยกันสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกนี้
เราทุกคนคุ้นเคยกับสุนทรพจน์การเข้ารับตำแหน่ง เช่น ประธานาธิบดี รัฐมนตรี หรือ ประธานกรรมการ ที่ได้รับเลือกตั้ง สุนทรพจน์เหล่านี้บางครั้งน่าประทับใจมากกว่าอันอื่น บ่อยๆ เนื้อหาของสุนทรพจน์ไม่ค่อยสัมพันธ์กับกิจการที่ตามมาของบรรดาผู้นำเหล่านี้
พระเยซูเจ้าทรงได้ให้สุนทรพจน์เริ่มภารกิจของพระองค์ ไม่นานหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับเมืองนาซาเร็ธ หลังจากที่พระองค์อยู่ในถิ่นทุรกันดาร 40 วัน 40 คืน เพื่อเตรียมปฏิบัติหน้าที่สู่สาธารณชน เราได้ฟังสุนทรพจน์ของพระองค์ในพระวรสารวันนี้
“พระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงเจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่ออ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตของพระเจ้าทรงยืนอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (อสย 61:1-2) แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลาธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว”
เราสามารถถือคบเพลิงและสืบสานพันธกิจแห่งการไถ่กู้ของพระคริสตเจ้า ได้ หรือ ไม่ พ่อคิดว่า “ได้” เพราะเหตุว่า พระคริสตเจ้าทรงได้มอบพันธกิจนี้ให้พระศาสนจักร และเพราะเราแต่ละคนโดยอาศัยศีลล้างบาป จึงเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า ดังนั้น พระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้ใช้พระพรและความสามารถต่างๆ ของเรา เพื่อสืบสานต่องานและพันธกิจของพระศาสนจักร และช่วยสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกนี้
เราสามารถสืบสานพันธกิจของพระศาสนจักร และช่วยสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกนี้ได้อย่างไร สิ่งแรกที่เราทำได้ คือ มองข้ามความแตกต่างของเรา และร่วมมือกันกับผู้มีน้ำใจดี ช่วยกันสร้างสันติภาพ และการเยียวยารักษาโลกใบนี้ ในที่สุด วิธีที่เราดำเนินชีวิต ควรเป็นการบอกผู้อื่นว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้ เป็นความจริงแล้ว”
พันธกิจการไถ่กู้ของพระเยซูคริสตเจ้า แบบอย่างและกิจการต่างๆ ตรงกับคำพูดในสุนทรพจน์การเข้ารับตำแหน่งที่พระองค์ทรงกล่าวในตอนเริ่มปฏิบัติหน้าที่สู่สาธารณะ พระองค์ทรงนำอิสรภาพมาสู่ผู้ถูกจองจำแห่งการโกหกหลอกลวง แก่บรรดาผู้ถูกจองจำด้วยนิสัยความประพฤติไม่ดีต่างๆ ปลดปล่อยผู้เป็นเหยื่อใต้อำนาจที่ใช้หาประโยชน์ส่วนตัว อาศัยชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ พระเยซูเจ้าทรงชนะอำนาจบาปและความชั่ว และได้เปิดทางสู่แสงสว่างนิรันดร พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างแท้ส่องโลกที่ส่องสว่างจิตใจของเรา ทำให้เราเห็นความจริงอย่างชัดเจน
พี่น้อง พระคัมภีร์มิใช่เน้นบทยืนยันความเชื่อที่เราต้องยอมรับ แต่เป็นพันธกิจที่เราต้องทำให้เป็นจริงในชีวิต เราก้าวเดินด้วยกันในพระคริสตเจ้า ต้องออกไปหาสังคมโลก ทำงานพัฒนาพันธกิจการไถ่กู้ของพระคริสตเจ้าให้ก้าวหน้าจนสำเร็จสมบูรณ์ เรานำข่าวดีไปสู่คนยากจน อิสรภาพแก่ผู้ถูกจองจำ จากยาเสพติด และการถูกบีบบังคับ เราสามารถให้แสงสว่างแห่งความรู้และวิสัยทัศน์แก่คนตาบอดด้วยความมืดของโลก
การดำเนินชีวิตตามคุณค่าแบบคริสตชนด้วยการเคารพชีวิต ความซื่อสัตย์สุจริต (ไม่โกง) และยึดถือความจริง ความยุติธรรม การทำงานสร้างสันติสุขและสร้างครอบครัวให้อบอุ่น ล้วนเป็นการสืบสานพันธกิจของพระคริสตเจ้าบนโลก
พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือท่าน เพราะพระองค์ทรงเจิมท่านด้วยปรีชาญาณ สติปัญญา ความรู้ ความมั่นคงกล้าหาญ จงทำหน้าที่ของท่านอย่างกล้าหาญ เหมือนบรรดาอัครสาวกสมัยแรก ออกจากห้องส่วนตัว ออกไปในลานสาธารณะ ประกาศข่าวดีและเป็นประจักษ์พยานด้วยแบบอย่างชีวิต จนทำให้หลายคนมารู้จักชีวิตใหม่ การเยียวยารักษา สันติสุข อิสรภาพ และความรอดพ้น ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(มกราคม-มีนาคม 2016), หน้า 36-38.