อุปมาเรื่องงานวิวาหมงคล1
1 พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า 2 “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้พระโอรส 3 ทรงส่งผู้รับใช้ไปเรียกผู้รับเชิญให้มาในงานวิวาห์ แต่พวกเขาไม่ต้องการมา 4 พระองค์จึงทรงส่งผู้รับใช้อื่นไปอีก รับสั่งว่า ‘จงไปบอกผู้รับเชิญว่า บัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว ได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพีแล้ว ทุกสิ่งพร้อมสรรพ เชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ 5 แต่ผู้รับเชิญมิได้สนใจ คนหนึ่งไปที่ทุ่งนา อีกคนหนึ่งไปทำธุรกิจ 6 คนที่เหลือได้จับผู้รับใช้ของกษัตริย์ ทำร้ายและฆ่าเสีย 7 กษัตริย์กริ้ว จึงทรงส่งกองทหารไปทำลายฆาตกรเหล่านั้นและเผาเมืองของเขาด้วย 8 แล้วพระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับงานนี้ 9 จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ 10 บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญทุกคนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้องงานอภิเษกสมรส 11 กษัตริย์เสด็จมาทอดพระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ 12 จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร’ คนนั้นก็นิ่ง 13 กษัตริย์จึงตรัสสั่งผู้รับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าของเขา เอาไปทิ้งในที่มืดข้างนอกเถิด ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง 14 เพราะผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย’ ” 2
ข้อคิดรำพึงประจำสัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
เบื้องหลัง
เรื่องอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าให้ประชาชนฟังเกี่ยวกับงานวิวาหมงคลประจำสัปดาห์นี้ จากบทอ่านของพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว 22:1-14 โดยพระองค์ต้องการเปรียบเทียบว่า กษัตริย์ทรงหมายถึงพระเจ้าพระบิดา งานวิวาห์หมายถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนแขกที่ได้รับเชิญกลุ่มแรกนั้นพระองค์ทรงหมายถึงประชากรผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่ไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าซึ่ง ณ ขณะนั้นคงหมายถึงชาวยิวที่ไม่ยอมรับพระองค์นั่นเอง ส่วนแขกกลุ่มที่สองที่พระองค์ทรงเรียกนั้นหมายถึงคนบาป และคนต่างศาสนาแต่พวกเขาเหล่านั้นกลับยอมรับและเชื่อในพระเยซูเจ้า ซึ่งจะเห็นว่าพระเยซูเจ้าต้องการบอกว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาแล้วพระองค์ไม่ใช่มาเพื่อชาวอิสราแอล อย่างเดียว แต่เปิดกว้างสำหรับทุกคนทุกชาติทุกภาษาที่มีน้ำใจกลับมาเชื่อ และปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า และติดตามพระองค์ในชีวิตประจำวัน
ข้อคิดรำพึงประจำสัปดาห์
ในเมื่อแขกกลุ่มแรกที่พระองค์ทรงเชิญคือพวกชาวยิวได้ปฏิเสธพระองค์ ในที่สุดพระองค์ก็เชิญพวกเราทุกคน พระองค์เปิดกว้างสำหรับทุกคนทุกชาติทุกภาษา แล้วเรามนุษย์ปัจจุบันซึ่งยอมรับคำเชิญไปร่วมงานเลี้ยงของพระองค์แล้วเช่นกัน เราก็จะต้องปฏิบติตามระเบียบเงื่อนไขธรรมเนียมปฏิบัติของพระองค์ ไม่ใช่ตามใจเรา การได้รับความรอดนั้นไม่ใช่เข้ามาเป็นคริสตชนรับศีลล้างบาปศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แล้วจะได้รับความรอดโดยอัตโนมัต แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมระเบียบกฎเกณฑ์ของพระองค์เพื่อสมกับงานวิวาห์ของพระองค์ ซึ่งเป็นงานฉลองยิ่งใหญ่ที่พระองค์จัดเตรียมไว้สำหรับเราดังนั้นเสื้อของงานวิวาห์หรืองานรื่นเริงในสวรรค์กับพระองค์นั้น เราต้องสวมใส่เสื้อที่พระองค์ทรงกำหนดไว้สำหรับการเข้าร่วมความสุขกับพระองค์นั้นคือ เสื้อแห่งความดี เสื้อแห่งความรัก ความมีเมตตา เห็นอกเห็นใจต่อคนรอบข้าง ให้อภัยแก่กัน เสื้อแห่งการแบ่งปันอาหารแก่คนหิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่คนไม่มีใส่ เสื้อแห่งการไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่คนเจ็บป่วย คนติดคุก เสื้อแห่งการทำหน้าที่ในแต่ละฐานะ แต่ละบทบาทด้วยเต็มความสามารถรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ เมื่อทำดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าก็จะตรัสกับเราว่า “เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก”
ปัจจุบันพระองค์ยังทรงเชื้อเชิญเราทุนกให้ร่วมงานวิวาห์ของพระองค์ คือพระเยซูเจ้าเปรียบเหมือนเจ้าบ่าวที่กำลังรอเจ้าสาวคือเรามนุษย์ทุกคน แต่บางครั้งเราอาจจะปฏิเสธพระองค์ อ้างสารพัดธุระต่างๆ ไม่ว่างที่จะไปวัดสวดภาวนาพูดคุยกับพระองค์ ไม่มีเวลาสำหรับครอบครัว ไม่มีเวลาสำหรับคนรอบข้างส่วนรวม ไม่มีเวลาสำหรับการอ่านพระวาจาของพระองค์ ไม่มีเวลาสวดทำวัตร และอะไรต่อมิอะไรที่จะอ้างอีกมากมาย ทั้งๆ ที่พระองค์ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวกำลังรอเราเข้าร่วมในงานเลี้ยงนี้กับพระองค์และกับเพื่อนมนุษย์ทุกคน แล้วเราจะไม่ยินดีรับคำเชิญของพระองค์หรือ